เบื่อรึยัง ชวนแฟนเดท ดูหนังกินข้าว เที่ยวที่เที่ยวฮิตๆ ลองอะไรที่มันไทยๆแท้เรียลๆกันดูบ้างดีกว่า ลองมั้ยซักวันไปเป็นหนุ่มนาข้าวสาวนาเกลือ ใช้ชีวิตแบบโลคอล ในจังหวัดที่ใครๆก็คาดไม่ถึงแน่นอนว่าจะมีที่เจ๋งๆแบบนี้ที่นั่นคือ ” สุโขทัย “
เมื่อพูดถึงเมืองที่มีประวัติศาสตร์เก่าแก่และยาวนานของประเทศไทย คงหนีไม่พ้นจังหวัด สุโขทัย ซึ้งเป็นที่ตั้งของอาณาจักรแรกของชาติไทยเมื่อ 700 ปีก่อน คำว่า สุขโขทัย มีความหมายว่า รุ่งอรุณแห่งความสุข เต็มไปด้วยล่องรอยของอดีตที่เคยรุ่งโรฒ ผ่านวันเวลา ผ่านยุคสมัยมาอย่างยาวนาน วันนี้เราจะมาลุยสถานที่ท่องเที่ยว จังหวัดสุโขทัย อาณาจักรแห่งความสุข แบบ3วัน2คืนไปพร้อมๆกันนะครับ
Day 1
เราเริ่มต้นเดินทางกันวันที่ 25 กันยายน 2560 ครั้งนี้เราเลือกเดินทางโดยเครื่องบิน กับสายการบิน Bangkok Airways ถือเป็นสายการบินเอกชนแห่งแรกของไทย ที่มีเส้นทางการบินหลากหลายและเป็นแหล่งท่องเที่ยว แหล่งอารยธรรมอันสวยงามมากมาย
พวกเราเดินทางกันมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิก่อนเวลา จึงเข้าไปใช้บริการบูทีค เลาจ์น ของบางกอกแอร์เวย์ส
ห้องรับรองสำหรับ บริการผู้โดยสารทุกท่านอย่างครบวงจร มีบริการของว่างเครื่องดื่ม wifi และมุมเด็กเล่น
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เราขึ้นเครื่องกันเวลา 13.15 น. เที่ยวบินเครื่อง PG 209 เพื่อเดินทางไปจังหวัดสุโขไทย
เป็นครั้งแรกที่ผมได้นั่งเครื่องบินใบพัด รุ่น ATR 72-600 เครื่องบินรุ่นใหม่ที่มีขนาดเล็ก ที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยและเป็นที่นิยมมากในตอนนี้ และที่สำคัญอาหารบนเครื่องอร่อยมากกก ><
ถึงสนามบินสุโขทัยเวลา14.30น. ใช้เวลา 1ชั่วโมง 15นาที ต้องบอกก่อนผมไม่เคยขึ้นเครื่องบินมาที่สุโขทัย นี่เป็นครั้งแรก ตอนแรกผมก็คิดว่าก็คงเป็นสนามบินธรรมดาทั่วไป แต่พอลงเครื่องก็พบกับยูรนิฟอร์ พนักงานต้อนรับบวกกับสนามบินที่ออกแบบเป็นเรือนไทยประยุค สวยงามและมีเอกลักณ์มากๆ


มองไปรอบๆ ต้องตกใจ ตกใจจริงๆ ที่นี้มีสวนสัตว์ 55 สนามบินมีสวนสัตว์แปลกไหมหละ ด้วยความข้องใจ ระหว่างรอกระเป๋าผมจึงไปถามพนักงานต้อนรับและได้คำตอบมาว่า ที่นี้ไม่ได้มีแค่สวนสัตว์ ที่นี้มีสถานที่ท่องเที่ยวทางการเกษตร อย่างโคตรงการเกษตรอินทรีย์ และมีสถานที่ศักสิตอย่าง พระหลวงพ่อทันใจ ศาลพระพรหม พระเสฏฐสุวรรณศาสดา เป็นต้น และยังมีพิพิธภัณฑ์ฟอสซิลที่กำลังจะเปิดให้บริการเร็วๆนี้ โอโห้ สนามบินอะไรกันเนีย
พอได้กระเป๋าพวกเราเดินออกมาก็พบกับที่เช่ารถของ บริษัท เอ็ดดี้ เร้นท์ อะ คาร์ (EDDY RENT A CAR) มีให้เลือกใช้บริการทั้งแบบรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน รายปี
โดยมีรถให้บริการ หลายรุ่น รถสภาพดีมาพร้อมประกันชั้น 1 ทุกคัน เงื่อนไข การเช่าไม่ยุ่งยากใช้เวลาไม่นานเราก็สามารถเช่ารถออกจากสนามบินเพื่อตรงไปที่พัก
เราเดินทางไปเช็คอินที่โรงแรม สุโขทัย เฮอริเทจ รีสอร์ท (Sukhothai Heritage Resort) ซึ่งอยู่ติดกับสนามบิน เป็นรีสอร์ทสไตล์บูติค สถาปัตยกรรมตามแบบสุโขทัยประยุค ล้อมรอบไปด้วยทุ่งนากว้างใหญ่
พอเดินเข้าโรงแรม ก็มีเวลคัม ดริ้งค์ เป็นน้ำมะตูมรสชาติดี ชื้นใจมากๆ
นี้คือบันยากาศภายในโรงแรมสวยใช่ไหมหละ
พอเก็บกระเป๋าเสร็จ เราก็ขับรถเดินทางไปเที่ยวกันเลย สถานที่แรกที่เราไปคือ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย
อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย มีพื้นที่ครอบคลุมโบราณสถาน 35 แห่ง ภายในยังเหลือล่องรอบพระราชวังและวัด แสดงให้เห็ยถึงความเจริญรุ่งเรื่องในอดีต องค์การยูเนสโก้ได้ประกาศให้อุทยานแห่งนี้เป็นแหล่งมรดกโลก และมีผู้มาเยี่ยมชมหลายแสนคนต่อปี

ภายในอุทยานมีลักษณะเป็นสี่เหลียมผืนผ้า มีความยาวประมาณ 2 กิโลเมตร กว้างประมาณ 1.6 กิโลเมตร เราสามารถเดินหรือเช่าจักรยานเพื่อเที่ยวชมก็ได้ครับ
ค่าเข้าสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย คนละ 20 บาท ค่านำจักรยานเข้าคันละ 10 บาท
เมื่อเข้ามาก็จะพบพระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ให้ผู้คนเข้ามากราบสักการะ ขอพร
วัดสระศรี เป็นวัดที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของวัดมหาธาตุ เป็นโบราณสถานสำคัญอยู่บริเวณกลางสระน้ำที่มีขนาดใหญ่ ชื่อว่า ตระพังตระกวน และสิ่งสำคัญของวัดประกอบด้วยเจดีย์ประธานทรงลังกา ด้านหน้าวิหารขนาดใหญ่ประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย
วัดมหาธาตุ วัดสำคัญที่ใจกลางเมืองสุโขทัย ตั้งอยู่ภายในกำแพงเมืองต้องเสียค่าเข้าเพิ่มอีกสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย คนละ 20 บาท และถ้านำจักรยานเข้าเสียเพิ่มอีก 50 บาท ภายในประกอบด้วยเจดีย์ยอดดอกบัวตูม , วิหาร ,มณฑป ,อุโบสถ และเจดีย์อื่นๆอีกมากมาย แสดงถึงเอกลักษณ์ของศิลปะสุโขทัยอย่างแท้จริง
วัดศรีชุม ต้องเพิ่มค่าเข้าอีกสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย คนละ 20 บาท โบราณสถานที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือนอกกำแพงเมือง วัดนี้เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธอจนะ ที่มีความศักดิ์สิทธิ์และมีความสวยงานมีเอกลักษณะ ถ้ามาเที่ยวสุโขทัยไม่ได้มากราบไหว้พระอจนะ ที่วัดศรีชุมก็เหมือนมาไม่ถึงเลยนะครับ บอกเลยว่าพลาดไม่ได้จริงๆ
ก่อนที่ผมจะย้อนกลับมาดูพระอาทิตย์ตกที่วัดมหาธาตุ เพราะได้ยินมาว่าที่นี้ตอนพระอาทิตย์จะสวยมาก และก็ไม่ผิดหวังเลยจริงๆสวยสมคำร่ำรือจริงๆครับผม ^^
เมื่อชมพระอาทิตย์ตกเสร็จแล้วเราเดินทางกลับโรงแรม เพื่อนพักผ่อนและนี้คือห้องที่ผมจะพักตลอดทริปนี้ครับ
Day 2
เริ่มวันที่ 2 กับอาหารเช้าที่โรงแรม ก็ไม่รอช้าตรงสถานที่เที่ยวแรกของวันนี้กันเลยและสถานที่แรกที่เราไปวันนี้ก็คือ อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย อีกหนึ่งเมืองมรดกโลก
อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย สถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ และมีจุดที่สวยงามและมีชื่เสียงอยู่หลายที่ เราสามารถเลือกจะเดินหรือเช่าจักรยานปั่นหรือนั่งรถรางเพื่อชมโบราณสถานก็ได้ครับ
ค่าเข้าสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย 20 บาท
ค่าเช่ารถจักรยานคันละ 20 บาท ปั่นได้ทั้งวัน
รถรางนำชมโบราณสถานคนละ 20 บาท
วัดช้างล้อม สถานที่ที่มีชื่อเสียงที่สุดของที่นี้ อยู่เกือบกึ่งกลางเมืองศรีสัชนาลัย เจดีย์ทรงลังกา มีกำแพงเป็นสี่เหลียมจัตุรัสล้อมรอบด้วยปูนปั้นรูปช้างตัวใหญ่รอบด้านรวม 39 เชือก
บรรยากาศที่นี้ค่อนข้างเงียบสงบ แต่ตอนผมไปแดดร้อนไปหน่อยเลยเดินอยู่ได้ไม่นานก็เปลียนสถานที่

จริงๆแล้วที่ อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย ยังมีโบราณสถานที่หน้าสนใจอีกกหลายแห่ง แต่เรามีเวลาไม่มากเพราะต้องไปอีกสถานที่หนึ่งเพื่อชมพระอาทิตย์ตกให้ทัน
เริ่มหิวกันแล้ว เราเดินทางมาที่ร้าน…เจ๊อุ่น ก๋วยเตี๋ยว กะลา ร้านก๋วยเตี๋ยวและอาหารตามสั่ง มีเมนูให้เลือกหลากหลายมากๆ ร้านตั้งอยู่ริมแม่น้ำยม ใกล้ศาลหลักเมืองสวรรคโลก
บันยากาศบ้านๆ ร่มรื่นเป็นกันเอง
มาถึงที่ก็ขอชิมก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยสูตรโบราณ ที่ทางร้านภูมิใจนำเสนอสุดๆ อร่อยเต็มเครื่องเต็มรสชาติจริงๆ
อิ่มแล้วออกเดินทางกันต่อ เราไปกันที่หาดเจ้าราม สถานที่ท่องเที่ยวใหม่ของสุโขทัย บันยากาศดีและวิวธรรมชาติที่สวยงาม เหมาะกับการมาพักผ่อน หนีความวุ่นวายมาเอาเท้าจุ่มน้ำ ปั่นเรือถีบ ทานอาหารชมวิวกินบันยากาศ
ที่นี้มีซุ่มให้เช่า สำหรับคนที่อยากหย่อนขาแบบชิลๆ ราคาชั่วโมงแรก 50 บาท ชั่วโมงต่อไป 40 บาท หรือเหมา 150 บาท และมีบริการห่วงยางให้เช่า ราคา 20-30 บาท
เราชมพระอาทิตย์ตกลับขอบฟ้ากันที่หาดเจ้าราม บอกเลยว่าประทับใจที่นี้มากๆ ก่อนที่จะเดินทางกลับ โรงแรม สุโขทัย เฮอริเทจ รีสอร์ท
Day 3
เช้าวันที่สามเราตื่นมารับประทานอาหารที่โรงแรมอีกเหมือนเดิมก่อนจะเช็คเอาท์โรงแรม แต่วันนี้เราจะไม่ไปเที่ยวที่ไหนใกลเพราะเราจะเที่ยวกันที่สนามบินนี้แหละ เพราะจากที่ผมสอบถามพนักงานเรื่องสนามบินและก็อยากจะเห็ด้วยตาว่าที่นี้มันมีทุกอย่างอย่างที่เค้าว่ารึป่าว เราเดินทางไปที่โครงการเกษตรอินทรีย์
โครงการเกษตรอินทรีย์ พื้นที่สีเขียวภายในสนามบินสุโขทัย วิถีแห่งความพอเพียง ที่นี้มีกิจกรรมมากมายสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสวิถีชีวิตเกษตรกรอย่างใกล้ชิด คุณสามารถเลือกกิจกรรมต่างๆ ภายในโครงการ โดยมีเกษตรกรตัวจริงคอยดูแลและให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด
เราจะได้ชุดมาเปลียนเป็นชุดม่อฮ่อม เพื่อให้อินกับบทบาทเกษตกรจริงๆ บอกเลยว่าผมชอบมากสักพักก็รถอีแต๋นมาขับพาชมรอบๆสนามบิน
แวะไหว้ขอพรพระหลวงพ่อทันใจ
และพาชมภายนอกของพิพิธภัณฑ์ฟอสซิลที่กำลังจะเปิดให้บริการในอีกไม่ช้า
ก่อนจะพากลับเข้าโครงการเกษตรอินทรีย์ เพื่อทำกิจกรรมภายในโครงการ กิจกรรมแรกที่เราได้ทำกันนั้นก็คือเก็บไข่เป็ดสดๆในเล่าเป็ด น่ากินทั้งไข่น่ากินทั้งเป็ดเลยครับ ฮ่าๆๆ

มาต่อกันที่คอกควาย ควายที่นี้เชื่องมากเราสามารถขี่และถ่ายรูปกับมันได้เลย ควายตัวนี้ชื่อถ้่วครับเชื่องคนและน่ารักๆเลย กินอย่างเดียวไม่มองกล้องผมเลย
พอถ่ายรูปกันหนัมใจแล้วเราก็มาชมโรงสีข้าว ผมกันสีข้าวแบบใกล้ชิด การคัดเมล็ดข้าวด้วยมือ ก่อนนำไปบันจุใส่ถุง
เยี่ยมชมแปรงผักอินทรีย์ ชมการทำงานของเกษตรกรอย่างใกล้ชิด
และแล้วก็ถึงเวลาของอาหารกลางวัน แต่ที่นี้พิเศษตรงที่วัตถุดิบเกือบทั้งหมด มาจากมาจากแปรงผักในโครงการเกษตรอินทรีย์
เป็นอาหารเพื่อสุขภาพและทำออกมาได้น่ากินมากและรสชาติก็ดีไม่แพ้หน้าตา
และยังมีเครื่องดื่มที่ผมชอบเป็นพิเศษ ก็คือน้ำใบข้าว รสชาติที่มากต้องลองครับ
และที่สนุกที่สุดและเละที่สุดคือการทำนาโยนกล้า การโยนต้นกล้าข้าวไปในนา การทำนาแบบใหม่ที่นำมาใช้แทนการดำนา
เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่า แต่ได้ผลผลิตไม่แตกต่างจากการปักดำด้วยเครื่อง หรือด้วยคน การทำนาโยนใช้แรงงานเตรียมดินเพาะกล้า 150 -200 ถาด/คน/วัน ใช้แรงงานโยนกล้า 3-5 ไร่/คน/วัน ที่สำคัญคือใช้เมล็ดเพียง 3-4 กิโลกรัม/ไร่ ประหยัดเมล็ดพันธุ์ได้ 80-85% ช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนเมล็ดพันธุ์ที่มีคุณภาพมาตรฐานได้