ออสเตรีย Hallstatt Vienna Salzburg วิวหลักล้าน ก่อนตายมาเหอะ

0
27398

พูดถึงทวีปยุโรป เชื่อว่าออสเตรียคือหนึ่งในประเทศในฝันของใครหลายๆคนอย่างแน่นอน มีหลายเมืองที่น่าจดจำ อย่างเช่น Salzburg เมืองแห่งยุคดนตรีคลาสสิค ที่มีกวีชื่อดังอย่างโมสาร์ท และบีโทเฟน ถึงแม้ว่าออสเตรียจะไม่ติดทะเล แต่ที่นี่ มีทะเลสาบที่ถูกขนานนามว่า สวยที่สุดในโลก อย่าง hallstatt ที่ครั้งหนึ่งต้องลองไปสัมผัสให้ได้ ทะเลสาบที่น้ำใสราวกับกระจกสะท้อนอย่าง St.wolfgang และเมือง Vienna ที่เค้าว่ากันว่าเป็นเมืองแห่งความโรแมนติก ที่มีทั้งประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมที่โคตรจะสวย รับรองว่าทุกคนจะหลงรักออสเตรียแบบเรา

และแน่นอนการมาเที่ยวในยุโรปหรือต่างประเทศเดี๋ยวนี้ แทบไม่ต้องแลกเงินให้มากมายอีกต่อไปแล้ว เพราะจริงๆเราอาจจะแค่แลกเงินไว้นิดหน่อย แล้วที่เหลือใช้บัตรเครดิตรูดเอาเลย สะดวกกว่าเพราะแทบทุกร้าน ใช้บัตรได้ทั้งนั้น ทั้งปลอดภัยกว่า และ รอบนี้เรามากับบัตรที่เรียกได้ว่าใครเป็นสายเที่ยวต้องมี คือ บัตรเครดิตซิตี้ เพรสทีจ ที่ไม่ว่าจะสามารถเอา คะแนนไปแลกเป็นไมล์เพื่อแลกตั๋วเครื่องบินสายการบินใหญ่ๆ แทบจะทั่วโลก หรือ ถ้ารูดช็อปปิ้งเป็นสกุลเงินต่างประเทศจะได้คะแนนถึง 3 เท่า หรือ จะเป็นการจอง โรงแรม 4 คืนติดต่อกันได้ฟรีคืนที่ 4 และที่เราชอบที่สุด คือ การได้เข้าเลาจน์ที่สนามบินฟรีไม่จำกัดจำนวนครั้งทั่วโลก ก็คือบัตรเดียวครบทุกเรื่องเที่ยว

ก่อนจะไปออสเตรียเราต้องรู้อะไรบ้าง

AIRPORT

การบินไทยบินตรงมาลง สนามบินนานาชาติเวียนนา หรือชื่อสนามบินว่า Flughafen Wien-Schwechat จากไทย ใช้เวลาประมาณ 11 ชั่วโมงนิดๆ หลับตื่นนึงถึงเลยแบบไม่เสียเวลาต่อเครื่องด้วย

SIM

ซื้อจากสนามบินที่ไทยไปเลย ไม่ต้องไปเผชิญกับความยุ่งยากวิ่งหาซิม คือแลนด์ปุ๊ปต่อเน็ตปั๊ป

VISA

การขอวีซ่าออสเตรีย เราต้องของวีซ่าเชงเก้น ถ้าไปหลายประเทศในยุโรปให้ยึดหลักประเทศที่เราพักอยู่นานที่สุด แนะนำให้รีบขอนะเพราะการขอใช้เวลาประมาณ15วันทำการ ไม่นับรวมวันเสาร์อาทิตย์และวันหยุด อย่าเพิ่งชะล่าใจไปเพราะเราเองก็เสียวกลัวไม่ทันเหมือนกัน ขอก่อนวันบิน ไม่เกิน 90 วันนะ กดเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ตรงนี้ ขอไม่ยากเราขอผ่านเอเจนซี่ VFS GLOBAL รวดเร็วและสะดวกมาก อยู่ไม่ไกลตรงตึกจามจุรีเอง คลิ๊กดูรายละเอียดเพิ่มเติม

TIME

เวลาของที่ออสเตรีย หรือแถบทวีปยุโรปจะช้ากว่าที่ไทยประมาณ 6 ชั่วโมง ครึ่งวันพอดี

EXCHANGE RATE

ช่วงที่เราไป เรทเงิน EUR กำลังตกซึ่งเป็นผลอันดีงามให้กับเรามาก  1 EUR ประมาณ 36 บาท ซื้ออะไรดูถูกลงไปหมด เหยก็รู้สึกดีในระดับนึง รู้สึกของถูกลงหน่อย

TIP

การให้ทิปพนักงานเสิร์ฟในแถบยุโรป ถ้าร้านอาหารบรรยากาศดีๆ ควรให้ทิป 1-3 ยูโร หรือ 5-10% ของราคาอาหาร

FOOD

ออสเตรียเค้ามีอาหารประจำชาติ ก้คือ Wiener Schnitzel เค้านำเนื้อพวกเนื้อวัว เนื้อลูกวัว หรือ เนื้อหมู มาชุบแป้งแล้วไปทอด กินคู่กับซอสแคนเบอรี่ สลัด หรือมันฝรั่งดอง คือเข้ากั๊นเข้ากันอ่ะ มานี่กินแทบทุกวัน อย่างน้อย3มื้อต้องมีมื้อนึงที่เป็น Wiener Schnitzel เนี่ยแหละ คิดดูว่ามันอร่อยขนาดไหน โดยเฉพาะที่เวียนนนา ทุกร้านไม่ว่าจะถูกหรือแพงต้องมีเมนูนี้ ถ้าใครมาเวียนนาแล้วไม่ได้กินเจ้านี่ ถือว่ามาไม่ถึงนะขอบอก

TRANSPORTATION

ในทริปเรา นั่งทั้ง Taxi, Uber, เดิน , เช่ารถขับ เรียกได้ว่าหลากหลาย

วิธีเดินทางจากสนามบินเข้าตัวเมือง ก็มีหลายทางเช่นกันนั่นก็คือ รายละเอียดเพิ่มเติม

Train : City Airport Train (CAT) ถ้าจากสนามบินเวียนนาไปสถานี Wien Mitte รถจะออกทุกๆครึ่งชั่วโมง ใช้เวลาประมาณ 16นาที คือเร็วมาก  ราคาเที่ยวเดียว 12 EUR ถ้า Round Trip 19 EUR จะคุ้มกว่าถ้าขากลับใครที่กลับมาที่สนามบินเดิมเลยก็ซื้อไว้ได้เลย แต่ตั๋วระวังหายระหว่างทริปนะครับเพราะเคยผ่านมาแล้ว ฮ่าๆ

Vienna Airport lines( VAL) เป็นรถบัสทั้งหมด 3 สายให้เลือก ราคา Round trip 13 EUR ถ้าเที่ยวเดียวราคา 8 EUR

  • สายที่ 1 จากสนามบิน ไป Westbahnhof ประมาณ 40 นาที อันนี้เป็นทางตอนใต้ของเมือง
  • สาย 2  จากสนามบินไปยังป้าย Morzinplatz ในตัวเมือง ใช้เวลาประมาณ 20 นาที
  • สาย 3 จากสนามบินไปยังห้าง Donauzentrum ตอนเหนือ ใช้เวลาประมาณ 40 นาที

ส่วน การที่จะเลือกว่าจะเดินทางด้วยวิธีไหน ขึ้นอยู่กับว่า ปลายทางของเราไปที่ไหน เรารีบหรือเปล่า สัมภาระเยอะไหม เช่น ถ้าอยากสะดวก ออกจากสนามบินก็โบก Taxi ไม่ก็ Uber ถึงที่หมายทันใจ แต่ราคาจะแพงหน่อยนะ แต่มันไม่ต้องต่อหลายต่อ ถ้า Train กับ bus ราคาจะถูกแต่อาจจะต้องเดินต่ออีกหน่อย อันนี้แล้วแต่คนสะดวก

TAXI ออกจากสนามบินจะมี Taxi spot จอดรอเราอยู่เลย ตอนเราเรียกแท็ก ใช้เวลา30นาทีก็ถึง โรงแรม ราคา 40 EUR แทบอ้วกแต่ตอนนั้น แอบขี้เกียจเอาสะดวกไว้ก่อนแหละ

Uber  สะดวกเหมือนกัน ถูกกว่าแท็กซี่ด้วย ราคาประมาณ 30 EUR ส่งถึงโรงแรมเลย แต่ต้องดูช่วงเวลาดีดี บางทีถ้า  Rush Hour หรือ high demand เรทราคาอาจจะขึ้นต้องเช็คตอนจะเรียกอีกทีนะ

การเดินทางภายในเมือง

ถ้าเดินทางภายในเมืองเวียนนาเราแนะนำให้นั่ง subway ไม่ก็เรียก Uber เอาคือง่ายและสะดวกสุด แต่สถานที่ท่องเที่ยวในเวียนนาสามารถเดินถึงกันได้หมด เดินยังชิวได้เลยถ้าอากาศไม่หนาวเกินไปนะฮ่าๆ

ประเภทของระบบขนส่งสาธารณะในเวียนนา

  • U-Bahn หรือรถไฟใต้ดิน เป็นการเดินทางที่เราว่าถือว่าสะดวกที่สุดและง่ายที่สุด ครอบคลุมเวียนนาทั้งหมด ตอนนี้มีด้วยกัน 5 สาย  U1,U2,U3,U4,U5และ U6
    วันธรรมดา เริ่มต้นเวลา 04.45 น. – 00.30 น.
    วันศุกร์-เสาร์: วิ่งตลอด 24 ชั่วโมง
  • รถราง ให้บริการทุกวัน ช่วงเวลาประมาณ 04.45 น. – 00.30 น.
  • รถเมล์ ให้บริการทุกวัน ช่วงเวลาประมาณ 04.45 น. – 00.30 น. ของวันถัดไป ขึ้นอยู่กับสายของรถเมล์ด้วยนะ
  • Nightbus  เป็นช่วงเวลาดึก ที่รถประเภทอื่นยังไม่เปิดไม่ให้บริการ แต่ไม่ทุกเส้นทางนะ เราต้องเช็คด้วยว่า จุดที่เราอยู่มี nightbus ผ่านหรือเปล่า
  • S-Bahn จะเหมือน กับ U-Bahn แต่จะวิ่งรอบๆเมือง เช่น Wien Mitte หรือ Florisdorf เป็นต้น อันนี้จะเป็นสายสีฟ้า
  • ดูตารางรถและแผนที่ได้ตาม link นี้

แต่ถ้าออกนอกเมืองไปแถบ Salzburg หรือ hallstatt สามารถไปได้ทั้งรถบัสและรถไฟเชื่อมต่อกันหมด ต้องเช็ครอบรถดีดีนะเพราะถ้าไปชวง high season ตารางเที่ยวรถไฟจะชอบเต็ม แนะนำถ้าไป 3 คนขึ้นไปให้เช่ารถขับเพราะสะดวก ข้างทางโคตรจะสวยได้อีกฟีลหนึ่งเลยแหละ ถ้าไปคนเดียวนั่งรถไฟหรือรถบัสไปเถอะสะดวกประหยัดกว่า

WEATHER

อากาศในประเทศออสเตรีย ส่วนใหญ่จะได้รับกระแสลมมหาสมุทรแอตแลนติก ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เวลาเราเดินในเมืองอุณหภูมิไม่ได้ต่ำมากแต่ลมแรงมากเช่นกัน

ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-พฤษภาคม) อากาศเย็นสยาบไม่หนาวเกินไป เที่ยวสนุกสุด

ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน-พฤศจิกายน) อากาศอุ่นของชาวยุโรปเท่ากับเย็นสบายของชาวไทยนี่แหละ

ฤดูร้อน (มิถุนายน-สิงหาคม) มีอากาศอบอุ่นจนถึงค่อนข้างร้อน และร้อนสุดในออสเตรียแล้ว

ฤดูหนาว (ธันวาคม-กุมภาพันธ์) ของออสเตรียหนาวจัดในระดับที่เรียกว่าโคตรหนาวสำหรับคนเมืองร้อน

BUDGET เฉลี่ยต่อคน

โรงแรม เฉลี่ยตกคืนละ 3,500 นอนได้ 2 คน  5 คืน ต่อคน 8,750 THB

มีที่ Hallstatt คืนละ 10,000 ตกคนละ 5,000 THB

อาหารการกิน  กินแพงแทบทุกมื้อ brunch ในบางวัน ทั้งทริปตกคนละ 4,620 THB

เดินทาง ค่าที่จอดรถ , ค่าuber ต่างๆ ,ค่าน้ำมัน คนละ 2,160 THB

จิปาถะ ค่าเข้าสถานที่, ทิป  ประมาณคนละ 2,000 THB

ค่าเช่ารถ คนละ 5,400 THB

รวมทั้งหมดต่อคนประมาณ 27,930 THB

นี่คือ Plan ท่องเที่ยวของเรา

22 FEB   Kunsthistorisches Museum Wien / Museum of Natural History

23 FEB  St. Stephen’s Cathedral / The Hofburg / Kohlmarkt shopping street

24 FEB   Mozart-Wohnhaus / ย่านเมืองเก่า Getreidegasse

25 FEB  Café Mozart Salzburg/ Mirabell garden /St. wolfgang/ St.Gilgen Am Wolfgangsee

26 FEB   Hallstatt / Classic Village Viewpoint

โหลดแผนที่กรุงเวียนนา click

Day 1 Vienna old town

หลังจากนั่งเครื่องมา 11 ชั่วโมงกว่าๆ เราก็ถึง เวียนนา เมืองแห่งดนตรีคลาสสิคและความโรแมนติก คือโรแมนติกจริงๆ ตึกราบ้านช่องเค้าส่วนใหญ่เป็นสีขาวอมชมพู มองแล้วสบายตาสุดๆ

หลังจากผ่านตม รับกระเป๋าเรียบร้อย ตามปกติถ้ามีบัตร CITI PRESTIGE  มาด้วย ได้สิทธิพิเศษมากมายเว่อวังอลังการ เรียกได้ว่าสะดวกสบาย ที่เราชอบมากคือ มีรถ Limosine รับส่งฟรีสนามบินที่ร่วมรายการในเอเชีย แปซิฟิค 2 ครั้งต่อปีแหน่ะ หรูเริ่ดสบายๆคุ้มมากเพราะว่าค่าเดินทางในต่างประเทศจากสนามบินไปโรงแรมตามเมืองส่วนใหญ่ค่อนข้างแพง แล้วยังไม่พอใจ ยังมีบริการ Meet & Assist ช่วยอำนวยความสะดวกที่สนามบินที่ร่วมรายการจำนวน 2 ครั้งต่อปีอีกด้วยนะ บางที่มีรถกอล์ฟไปส่งหน้าGATEเลย คือไม่ต้องเดินให้เมื่อย ชักจะสบายไปละ

ถึงสนามบิน เวียนนา เป็นสนามบินที่ดูปลอดโปร่ง ไม่เจอคนไทยเลยจ้า

ส่วน บัตร Priority Pass Card ที่ส่งมาคู่กับ CITI PRESTIGE สามารถใช้เลาจน์ที่สนามบินต่างประเทศทั่วโลก กว่า 1,000 แห่ง และที่เจ๋งกว่าคือ ไม่จำกัดจำนวนครั้งที่เข้าด้วยนะ โหวววสบายเลยงานนี้ อิ่มท้องนอนชิวแต่อย่าลืมเวลาขึ้นเครื่องหล่ะ

อีกหนึ่งสิทธิพิเศษที่เรารู้สึกว่ามันโคตรคุ้ม ถ้ามีบัตร CITI PRESTIGE จะฟรีห้องพักคืนที่ 4 หากเราจองโรงแรม ที่เดิม 3 คืนติดแต่เนื่องจากทริปนี้ เป็น road trip ต้องย้ายเมืองไปเรื่อยๆเลยไม่ได้ใช้สิทธ์ตัวนี้ แอบเสียดายเหมือนกัน ทริปหน้าจะลองใช้แน่ๆ

2 คืนแรกเราพักกันที่นี่ ชื่อโรงแรมว่า
Hotel Mercure Secession Wien สะอาดห้องใหญ่นอนสบาย โดยรวมผ่านเด้อ
ระหว่างทางเดินไปหาของอร่อยกิน เราก็เจอรูปปั้นเท่ๆตลอดถนน

ร้านแรกเราเลือกที่จะฝากท้องมื้อบ่ายของเราที่ร้าน Café Central ซึ่งเป็นร้านคาเฟ่เก่าแก่ที่ดังมากในเวียนนา Adolf Hitler เคยมาที่นี่ด้วยในร้านตกแต่งสไตล์คลาสสิก เปียโนบรรเลงสดๆ ฟีลแบบยุโรปย้อนยุคหน่อยๆ

Mood and Tone are the best
เดินออกมาถ่ายรูปหน้าร้านกันหน่อย อากาศวันนี้กำลังเย็นสบายใส่ heattech กับโค้ทตัวเดียวรับรองเอาอยู่ !
นี่คือภายในร้าน ชอบการตกแต่งร้านนี้มาก ดูคลาสสิคที่ซู้ด

อิ่มท้องกับคาเฟ่กันแล้ว มามะไปกินอาหารเที่ยงกันแต่แบบเลทๆนะ ร้านซูชิในกรุงเวียนนา รสชาติดีมากโอเคเลยอ่ะ ปลาสด คนทำเป็นคนญี่ปุ่นเองด้วยนะ ร้านนี้ชื่อ Kojiro และนี่รายละเอียดของร้านนี้ กดดูเลย

ดูความสดของปลานั่นสิ โอยร้องขอชีวิต ปลาแน่นมาก
อันนี้ราคา 11 EUR มีโปรโมชั่นอยู่ด้วยราคาที่คุ้มแถมยังอร่อยอีก
ระหว่างทาง มีมุมให้ถ่ายรูปตลอดทาง งานเค้าปราณีตทุกอย่าง
เห็นตรงกลางนั่นไหมนั่นคือโมสาร์ทนั่นเอง สวัสดีท่านโมสาร์ท

Kunsthistorisches Museum Wien พิพิธภัณฑ์นี้สร้างขึ้นในปี 1891 เพื่อใช้เป็นที่เก็บสะสมผลงานศิลปะจำนวนมากของราชวงศ์ฮอฟบวร์ก ซึ่งเป็นราชวงศ์ของบรรดาสมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งประเทศออสเตรีย

เราแนะนำให้เดินไปชมผลงานวิจิตรศิลป์และวัตถุทางประวัติศาสตร์อื่นๆ แล้วที่น่าสนใจมากคือส่วนจัดแสดงของประเทศอียิปต์ กรีกและโรมันมีพวกข้าวของเครื่องใช้ที่สะสมในช่วงระยะเวลากว่า 3,000 ปีที่ผ่านมา โดยมีเหรียญในส่วนจัดแสดงมากกว่า 700,000 เหรียญ ซึ่งรวมไปถึงตัวอย่างของเงินในรูปแบบธนบัตรใบแรกๆ ของโลกอีกด้วย เรียกได้ว่าเข้าไปคุ้มค่าที่ได้เห็น

ค่าเข้า 12 EUR นะจ้ะ ถ้ามีบัตรนักศึกษาก็จะลดได้อีกนะ

 ไปต่อกันที่พิพิธภัณฑ์ที่อยู่ตรงข้ามกัน คือทางเข้าเหมือนกันมาก แต่ค่าเข้าถูกกว่า ราคา 10 EUR ถ้าเป็นนักศึกษา 7 EUR เด็กเข้าฟรี

Museum of Natural History ส่วนตัวเป็นคนชอบพวก กำเนิดธรรมชาติอะไรพวกนี้อยู่แล้ว พอรุ้ว่าที่เวียนนามี ตื่นเต้นมากต้องไปให้ได้ ที่นี่สร้างมาตั้งแต่ปลายยุค 1,800 ตรงส่วนจัดแสดงในปัจจุบันมีวัตถุกว่า 30 ล้านชิ้นเลยทำให้ที่นี่ถูกนับว่าเป็นหนึ่งพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก ภายในมีห้องเยอะมาก คือเดินครึ่งวันยังไม่หมด เรียกได้ว่าเดินจนหอบ แรกๆก็ตื่นเต้นพอหลังๆเริ่มเหนื่อย ห้องจะเยอะไปไหนเนี่ย ฮ่าๆ ที่นี่เปนราชวังเก่าที่ถูกดัดแปลงเปลี่ยนเป็นมิวเซียมนี่เอง

ทุกอย่างตั้งแต่กำเนิดโลก ยุคโบราณ ยุคหิน จนถึงยุคปัจจุบัน ประทับใจ ตั้งอยู่หลังวัง HofBurg เมืองนี้พวกสถานที่สำคัญต่างๆของเวียนนา จะเดินถึงกันหมดเลย เดินชิวสบายๆ

นี่ก็มาถึงหลังยุคไดโนศุกร์ นั่นก็คือยุคไดโนเสาร์นั่นเองจ้า
ที่นี่คือดี มีการให้ลองเป็นมนุษย์ในยุคโบราณด้วยนะ ถ่ายรูปตัวเองแล้วก็กดปุ่ม ป๊าป เกือบรับตัวเองไม่ได้ ทำไมเป็นแบบนี้ ฮ่า
สัตว์ที่ถูกสตัฟฟ์ไว้มีเยอะโคตร เช่นหมี มีเป็นร้อยสายพันธุ์ดูยังไงก็ไม่หมดสักที
ยิ้มหน่อยเจ้ายีราฟ ฟันดำนะเราแปรงฟันบ้างมั้ยเนี่ยเจ้าหนู

พอตกเย็นเริ่มหิวกันแล้ว วันนี้จะพาไปกินอาหารอิตาเลี่ยนกัน ที่ตลาดแนชมาร์ก (Naschmarkt) เดินออกจากมิวเซียมตรงมาเรื่อยๆก็ถึงแล้ว ที่นี่เป็นตลาดที่เก่าแก่ยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดในกรุงเวียนนา ชาวบ้านถือว่าตลาดแนชมาร์กแห่งนี้เป็นเสมือน “คลังอาหารแห่งกรุงเวียนนา” ราคาจับต้องได้ไม่แพงด้วยนะ เค้ามีรายการอาหารเยอะมากของสดๆก็มี แต่ตลาดนี้หยุดวันอาทิตย์นะทุกท่าน

บรรยากาศดีมาก โรแมนติกสุดๆขอรับ จิ้มสักร้านแล้วเดินเข้าไปเลย
เบียร์โคตรดี รสชาติละมุนมาก ใครสายเบียร์ต้องมาลองนะ นี่ก็เหมาไปหลายแก้วอยู่
ของเด็ด oyster ที่นี่โคตรสดเหมือนเพิ่งขึ้นจากน้ำเค็ม แต่น้ำหอยเค็มไปนิสแหละควรเทน้ำออกก่อนกิน
Wiener Schnitzel คิดดูว่ามันอร่อยขนาดไหน โดยเฉพาะที่เวียนนนา ทุกร้านไม่ว่าจะถูกหรือแพงต้องมีเมนูนี้ ถ้าใครมาเวียนนาแล้วไม่ได้กินเจ้านี่ ถือว่ามาไม่ถึงนะขอบอก

DAY 2  ชิวๆเวียนนาย่านเมืองเก่า

St. Stephen’s Cathedral / The Hofburg / Kohlmarkt shopping street

เช้าวันนี้อากาศ feel like -8 สุดยอดไปเลย แค่จะย่างก้าวยังสั่น
ระหว่างเดินไปโบสถ์คือถ่ายรูปสวยมาก สีชุดเข้ากั๊นเข้ากันกับสีตึก
แวะร้าน Hot chocolate ชื่อดังของเวียยนา คือร้าน Sacher Eck Wien อร่อยมากสายของหวานต้องห้ามพลาดนะ นี่ๆ websiteทางร้าน
ภายในร้านตกแต่งโคตรคลาสสิค ที่เห็นรูปที่ฝาผนังคือรูปผู้ก่อตั้งร้านนี้ มีความขลังและสวยในคราวเดียวกันว่ามะ
ถ้าใครที่จองมาจะได้ที่นั่งดีดีไป ก็คือที่นั่งริมหน้าต่าง ถ่ายรูปสวยมาก
ขนาดแค่บันไดยังสวยอ่ะร้านนี้ บันไดวนต้องลงอย่างระวังเดี๋ยวล้มแล้วจะไม่ได้ไปต่อ
ออกมานอกร้านแดดดีมาก ที่เห็นคือโคตรหนาวนะจ้ะ ประมาณ -5 หน้าชาโดนตบน่าจะไม่รู้สึก

ลุยเลยมุ่งหน้าไปยังโบสถ์ก่อนเลย ที่นี่คือ St. Stephen’s Cathedral หรือมหาวิหารเซนต์สตีเฟน เป็นมหาวิหารสไตล์โกธิคที่เก่าแก่อีกแห่งในออสเตรีย อยู่ใจกลางเวียนนาและแหล่งshoppingเลย ที่นี่มีสถิติว่าสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวอย่างเราๆได้ปีละหลายล้านคน เยอะมาก~

ส่วนปิดซ่อมอยู่แต่ยังสวยอยู่ดี เราว่าตัวอาคารมีความขลัง มหาวิหารแห่งนี้ถูกสร้างเพื่ออุทิศให้กับนักบุญสตีเฟน ตั้งแต่ปี 1,147 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง และที่นี่ได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมดจากสงครามด้วย พอเข้ามาข้างใน คืองานจิตกรรมและสถาปัตยกรรมสวยมาก โดยเฉพาะบนเพดาน เป็นเรื่องเกี่ยวกับศาสนาทั้งหมดเลย

และที่นี่มีตำนานว่า รูปบูชาของพระแม่มารีย์ มีน้ำตาไหลออกจากรูปเป็นเวลาสองสัปดาห์ในช่วงทำสงครามกับพวกเติร์ก ภายในมหาวิหารยังมีอนุสรณ์พระบรมศพจักรพรรดิฟรีดริชที่ 3 ส่วนชั้นใต้ดินที่พวกเราเข้าไปไม่ได้ เป็นสุสานฝังศพของชาวเวียนนาประมาณ 10,000 คน

รูปปั้นงานละเอียด เห็นแบบใกล้ๆแล้วว้าว สมัยก่อนต้องมีเวลามากๆเลยนะเนี่ย
เพดานก็คืออลังการงานสร้างสุด
ที่นี่เค้ามีให้จุดเทียนอธิษฐาน แล้วก็หยอดเหรียญทำบุญ 0.60 EUR อาแมน

การเดินทางมาที่นี่ นั่งใต้ดินมาสาย U1 หรือ U3 สถานี stephansplatz เปิด จ-ส : 6.00-22.00 น.  ส่วนอาทิตย์และวันหยุดราชการ 7.00-22.00 น.

ภายนอกโบสถ์ นี่ขนาดปิดซ่อมนะยังอลังการขนาดนี้เลยถ้าซ่อมเสร็จจะขนาดไหนเนี่ย
ถนนบริเวณหน้าโบสถ์ อยู่ตรงสถานี Stephansplatz มาอย่างง่ายดาย
ตึกราบ้านช่องเค้าดูดีมีระดับถ่ายรูปเรื่อยๆได้ไม่เบื่อเลยแหละ
ตลอด2ข้างทางมีร้านให้shoppingเต็มไปหมด

มาแวะร้านอาหารกัน ร้านนี้มีชื่อว่า Trattoria Toscana La No เห็นรีวิวเยอะเลยลองเข้า เป็นร้านอาการสไตล์อิตาเลี่ยน จัดว่าเด็ดเลยนะ มาดูว่าเรากินอะไรไปบ้าง

Beef สั่งแบบ Medium Rare แอบดิบไปนิสนึง โดยรวมเราว่าจานนี้เฉยๆไม่ถึงกับว้าวเท่าไร
เดินออกจากร้านแทบจะกลิ้งกลับ โคตรอิ่ม อิ่มถึงคืนนี้แน่ๆ

เดินไปดู ปราสาท Hofburg กันหน่อย ที่นี่คือ Hofburg Imperial Palace อยู่ตรงกลางเวียนนาเลยอยู่ไม่ไกลจากมหาวิหารเซนต์สตีเฟนใกล้มากแค่ 650 เมตรเดินแปปเดียวถึง เป็นพระราชวังของราชวงศ์ฮอฟบวร์ก เป็นแลนด์มารค์ที่คนส่วนใหญ่สนใจมาก ถูกนั้นสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1275

โดยตัวอาคารนั้นมีปีกกว่า 18 ส่วนด้วยกันเเละมีห้องมากมายกว่า 2,000 ห้องเลยทีเดียว โดยมีจัตุรัสมิคาเอลเล่อ ที่เเสนจะโดดเด่นเป็นสง่าอยู่หน้าตัวพระราชวัง 600 ปีที่แล้วนั้นที่นี่เป็นที่ประทับของกษัตริย์ออสเตรียมาโดยตลอดก่อนที่จะเจ้าสู่ยุคของสาธารณรัฐออสเตรียในเวลาต่อมา

อยู่ดีดีก็อยากนั่งรถม้ากัน รู้สึกเหมือนอยู่ในนิทานดิสนี่
แบบ Short route 20 นาที ราคา 55 EUR ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นแบบ ​-2 โหยยยพี่จ๋ากลัวแล้ว

มาถึงเวลาของสาวๆ ไป Shopping กันเถอะ ที่นี่คือ ถนน Graben และ Kohlmark เป็นแหล่งช้อปปิ้งสุดหรูในกรุงเวียนนา ขาช้อปทุกคนห้ามพลาด ถนนเส้นนี้มีคาเฟ่เยอะมาก ร้านอาหารก็เยอะใครหิวเข้าสักร้าน ดีเกือบทุกร้าน ไม่ก็ลองอ่านรีวิวในเน็ตดูก่อนเข้าก็ได้ แถวนั้นมีแบรนด์เนมหรูๆอยู่ติดกันเป็นแถบเช่น Louis Vuitton, Gucci ,Chanel หรือ Tiffany แล้วก็ร้านเสื้อผ้าพวก ZARA H&M เพียบ ร้านขายของที่ระลึกก็เพียบ

ครึ่งวันไม่น่าพอสำหรับขาช้อป นอกจากนี้ ตามเส้นถนนออกแบบสวย ดูไฮโซ หรูเริ่ดถ่ายรูปได้ตลอดทาง

มาถึงยุโรปทั้งที ต้องจัดแบรนด์เนมซะหน่อย ใช้บัตรเครดิตซิตี้ เพรสทีจ จ่ายเป็นสกุลเงินต่างประเทศ ครบทุก 25 บาท  จะได้คะแนนสะสมซิตี้ รีวอร์ด 3 คะแนน  เอาไว้แลกไมล์สายการบินไปเที่ยวรอบหน้า

ดนตรีเปิดหมวกข้างทางก็มีให้ชมเรื่อยๆเลย เดินเล่นไปมีดนตรีไปชิวสุดๆ

แต่อย่าลืมแวะ Baroque plague column เป็นอนุสาวรีย์เก่าแก่ที่ตั้งอยู่ใจกลางถนน Graben สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกภายหลังจากเกิดโรคระบาดครั้งใหญ่ในกรุงเวียนนา เมื่อปี ค.ศ.1679 เรียกได้ว่าเป็นจุดทีเด็ดที่นักท่องเที่ยวต้องมาถ่ายรูป

Day3  ดนตรีคลาสสิคต้องมา

มุ่งหน้าสู่ Salzburg กัน ใช้เวลาจาก Vienna ประมาณ 2 ชั่วโมงนิดๆ เราเช่ารถจากบริษัท EuropeCar รถใหม่มาก ได้เป็นรุ่น Volkswagen golf พนักงานบริการดี ไม่ต้องรอนาน คนที่นี่เค้าพูดอังกฤษได้เกือบทุกที่เลยนะ รอดแน่นอนไม่ต้องห่วง

เค้าขึ้นไปพ่นได้ไงเนี่ย เรามองออกมาจากที่ไกลๆแล้วคือโดดเด่นมาก

Salzburg มาจากคำว่า Salz ภาษาเยอรมันแปลว่ากลัว ส่วน burg แปลง่ายๆว่า “เมือง” ที่นี่มีแม่น้ำเกลือที่ชื่อว่า Salzach River ไหลผ่านอย่าลองชิมเลย ทางเราว่าเค็มแหละ เมืองนี้ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกด้วยนะอยู่ทางตอนเหนือของเทือกเขาแอลป์ วิวเมืองนี้โคตรสวย แบบวิวเทือกเขาหิมะ เพราะเราไปช่วงที่หิมะยังปกคลุมเทือกเขาอยู่

สถาปัตยกรรมคือดีมาก ดูหรูหราร่ำรวย หลายคนยังไม่รู้ว่าเมืองนี้แหละคือเมืองเกิดของโมสาร์ท กวีชื่อดังก้องโลก คือเดินไปในเมือง เจอหน้าโมสาร์ททั้งเมือง เจอแล้วเจออีกเจอแล้วเจออีก พี่แกจะอยู่ตามร้านขายของที่ระลึก แทบจะเจอโฉมหน้าพี่แกทุกๆ5นาที เก็บไปฝันแน่ๆ


เดินชิวๆไปตามเมือง ย่านเมืองเก่า Getreidegasse อากาศดีลมเย็น นี่แหละเค้าเรียกว่าslowlifeของจริง
ร้านค้าที่นี่จะปิดเร็วมาก 19.00 น.ก็ปิดกันหมดแล้ว ใครอยากช็อปให้รีบช็อปกันนะ
เสียใจที่มาเจอร้านนี้ตอนพวกเราอิ่มกันแล้ว อาหารน่ากินมาก อย่างสด ไว้คราวน่าจะมากินนะ

DAY 4   St. Wolfgang ทะเลสาบที่น้ำใสเหมือนกระจกสะท้อน

เช้านี้เราไปกิน Brunch กันที่ Café Mozart ร้านนี้มีหลายสาขาที่เวียนนาก็มีนะ แต่เรามากินถึงถิ่นดั้งเดิม

และแน่นอนเมนูประจำประเทศออสเตรียมีทุกร้านจริงๆ เห็นขวาล่างนั่นไหม
ชื่อเมนูว่า wiener schnitzel จุดนี้ของทอดเราจะไม่หยุดหย่อน
ลาเต้คือดีมาก ได้กาแฟตอนเช้าคือตื่นเลยพร้อมออกเดินทาง
พิพิธภัณฑ์โมสาร์ทเกบูร์ตสเฮาส์ Mozart Geburtshaus (Mozart Birthplace)
เป็นสถานที่ที่โมสาร์ทเกิด แล้วเขาอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้มากกว่า 20 ปี แล้วก็ย้ายไปที่อื่น ภายในบ้านหลังนี้ออกแบบโดยนักศิลปะชาวอเมริกันที่ชื่อว่า Robert Wilson ออกแบบให้เหมือนตอนที่โมสาร์ทมีชีวิตอยู่มากที่สุดแต่ตอนนี้กลายเป็นsupermarketไปแล้ว แต่ด้านข้างมีพิพิธภัณฑ์ให้เข้าชมอยู่
Opening Hours
ทุกวันเวลา : 9 am – 5.30 pm (last entry 5 pm)
กรกฎา/สิงหา : 8.30 am – 7.00 pm (last entry 6.30 pm)
รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับMuesum
และสำหรับเรทราคาค่าเข้าชม ติดตามได้ที่นี่
ถ่ายรูปได้ทุกมุมจริงๆนะ หันไปทางไหนก็สวยในตลาดยังถ่ายสวยเลย
ใกล้ Easter ไข่เลยเป็นสีๆแบบนี้แหละ ปีนี้ตรงกับวันที่ 21 April 2019 ใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว
จัตุรัสโมสาร์ท (Mozartplatz)ในตำนาน ทุกคนที่มาเมืองนี้ต้องมาเยือนรูปปั้นนี้ไม่งั้นจะถือว่ามาไม่ถึงนะ

จัตุรัสโมสาร์ท (Mozartplatz) ตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกของแม่น้ำซาลซ์อัคตรงย่านเมืองเก่าของSalzburg ถ้าเดินทางโดยรถบัสจากสถานีรถไฟหลักของซาลซ์บูร์กป้ายรถบัสที่ใกล้ที่สุดคือ Mozartsteg/Rudolfskai อย่าลืมเดินไปตรง Getreidesgasse กับ Residenz ซึ่งทั้งสองที่ห่างกัน5นาทีจากจัตุรัสโมสาร์ทแต่ถ้าไปช่วงเวลาเดียวกับเราต้องฝ่าลมหนาวนิดนึงนะ

เนื่องจากรอบนี้เป็น Road trip กันก่อนถึง Hallstattในตำนานเราจะแวะ St. wolfgang กันก่อน ใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงเดียวเองซึ่งระหว่างทางสวยมากพอมาถึง St. wolfgang เอะทำไมเงียบๆ นี่คือ Low season ของที่นี่ร้านค้าหลายๆร้านปิดกันแต่วิวธรรมชาติคือสวยมาก น้ำในทะเลสาบใสแจ๋งสะท้อนเป็นกระจกเงาเลย

ส่องทีเห็นไปถึงบ้านเรือนของอีกฟากนึงเลย จะชัดไปไหนเนี่ยคุณผู้โชม


มีอีกที่หนึ่งที่เราเจอแบบบังเอิญชื่อว่า St.Gilgen Am Wolfgangsee ตั้งอยู่อีกด้านหนึ่งของทะเลสาบแต่เป็นทะเลสาบเดียวกัน ตรงนี้คือมี cable car ขึ้นไปชมวิวของยอดเมืองด้วยนะ พวกเราไม่ได้ขึ้นไปเพราะต้องรีบมุ่งหน้าไปยัง Hallstatt แต่ขนาดไม่ขึ้น มองจากด้านล่างคือวิวดีมากๆแล้ว อยากทุกคนต้องมาเห็นด้วยตาตัวเอง มาสักครั้งนึงเถอะ

น้ำในทะเลสาบใสมากราวกับกระจกสะท้อนมาเลย ที่สุดเลยเว้ยแกร
เห็นคนที่นี่ปั่นจักรยานละก็อยากปั่นบ้างอย่างชิวเลยทุกท่าน
บินโดรนละคือโอโห้อลังการงานสร้างมากพี่จ๋า
กระจกสะท้อนจริงๆดูสิทุกคนน้ำโคตรใส

หาร้านอาหารยากมากเพราะปิดหลายร้าน ใครที่มาช่วงเดือนมีนาคมเช็คเวลาเปิดร้านดีดีนะ ไม่ก็ซื้อเสบียงตุนไว้เลยนะทุกท่าน

วิวระหว่างทางยังสวยขนาดนี้ ฮรือสวยจนต้องร้องขอชีวิต
หงส์ !!! สวยมากแต่คือน้องเค้าเกรี้ยวกราดอยู่พอสมควร อย่ายื่นมือไปเชียวนะ น้องเค้างับนะ!
จุดชมวิว St.Gilgen Am Wolfgangsee คนน้อยมาก แล้วช่วงนี้ก็ low seasonด้วยถ่ายรูปแบบไม่ติดคนเลยคุณผู้โชม อากาศโคตรดี
วิวระหว่างทางไป Hallstatt โอยสวยมาก Sunset พอดีเลย

มุ่งหน้าไป Hallstatt กันเถอะ ใช้เวลาประมาณ 40 นาที  เราเชื่อว่าเกือบทุกคนมีความฝันว่าครั้งหนึ่งจะต้องได้ไปสัมผัสเมืองทะเลสาบที่ได้รับการยอมรับว่า “สวยที่สุดในโลก” เมืองนี้เป็นเมืองในตำนาน  หมู่บ้านฮัลล์สตัทเป็นหมู่บ้านเล็กๆที่ดูอบอุ่นมากถึงแม้ว่าตอนเราไปอุณหภูมิจะ 5-6องศาก็เถอะ

เราพักที่นี่ด้วย ราคาเอาเรื่อง คืนละหมื่น แต่วิวดีจริงๆ ที่พักเราชื่อว่า Heritage Hotel Hallstatt เป็นโรงแรมที่วิวดีที่สุดใน Hallstatt แล้วก็สมคำร่ำลืมจริงๆ เปิดหน้าต่างมาคือสวยแบบตายไปเลย ถ้าใครขับรถแบบพวกเรา เค้าให้ไปจอดที่ลานจอดรวมแล้วจะมีรถมารับไปส่งถึงหน้าโรงแรม ค่าจอดวันละ 16 EUR


ทรงบ้านน่ารักมาก
ที่นี่ถือว่าเป็นหมู่บ้านริมทะเลสาบที่สวยที่สุด และยังคงความเรียบง่ายเอาไว้

Day 5  ลุยหมู่บ้าน Hallstatt  

มาเดินเล่นในเมืองกัน เราว่าเมืองนี้เป็นเมืองเล็กๆ เดินวันเดียวก็หมดแล้วแหละ ร้านค้าปิดเร็วมากยิ่งตอนเราไปเป็น Low season พอดีปิดหมดแทบทุกร้าน แต่วิวสวยให้อภัย มุมในตำนานที่เค้าถ่ายรูปกันพวกเรา search ใน google map ว่า  “Classic Village Viewpoint / Postcard Angle” จริงๆเดินจากที่พักไปไม่ไกล ไม่เกิน 10นาที เราแนะนำให้ไปช่วงเช้า เพราะทัวร์ยังไม่ลง โคตรสวยวิวดีมาก(ก.ไก่เอาไปเลยล้านตัว) หิมะยังละลายไม่หมด สีขาวของหิมะตัดกับทรงบ้านที่น่ารักๆโอ๊ยไม่อยากไปจากเมืองนี้เลย เราเชื่อว่าถ้าคุณมาคุณจะมีความคิดแบบ เรา ดอกจันทร์ไว้ล้านดวงว่าต้องมาให้ได้นะทุกท่าน

สำหรับใครที่ไม่ได้พักใน Hallstatt แบบพวกเราก็สามารถ จอดรถได้ไว้ที่ลาดจอดหน้าทางเข้าหมู่บ้าน หรือถ้าใครที่มาโดย

  • รถไฟ  ถ้ามาจาก Salzburg ให้เปลี่ยนรถไฟที่สถานี Attnang-Puchheim ไปลงที่สถานี Hallstatt ได้เลย จากนั้นข้ามเรือข้ามฟากไปเมือง Hallstatt (ค่าเรือข้ามฝากราคา 3 EUR) วิธีนี้จะเดินทางสะดวกกว่า ไม่ต้องต่อรถหลายต่อ แต่ใช้เวลานานกว่า และวิวสวยน้อยกว่าวิธีเดินทางด้วยบัส
  • รถบัส ให้ขึ้นรถบัสสาย 150 ที่หน้าสถานีรถไฟ Salzburg นั่งยาวไปจนสุดสายลงสถานีรถไฟที่ Bad Ischl ถ้ามีเวลาพอนะ อยากให้ลองแวะนั่งเรือเที่ยวทะเลสาบวูฟกัง แวะลงรถที่เมือง St.Gilgen และสามารถนั่งเรือไปเดินเที่ยวเล่นที่ เมือง St.Wolfgang วิวอย่างแจ่ม นี่ ตารางเรือ จากเมือง Bad Ischl ให้ต่อรถไฟไปลงที่สถานี Hallstatt แล้วข้ามเรือข้ามฟากไปเมือง Hallstatt ค่าเรือข้ามฝากราคา 3 EUR (ข้อดีของรถบัสได้เห็นวิวข้างทางที่โคตรสวย) ขอบอกว่าตอนข้างวิวหลักล้านจริงๆ
หลักล้านมั้ยหละ นี่คือจุดชมวิวในตำนาน
Hallstatt Lutheran Church เป็นโบสถ์ที่ตั้งอยู่ใกล้กับทะเลสาบ และถือเป็นสัญลักษณ์อีกแห่งหนึ่งของที่นี่ คือไม่ว่าจะมองมุมไหนของ Hallstatt ก็จะเห็นโบสถ์นี้แหละทุกทิศ
โบสถ์นี้แหละที่ทำให้ ภาพลักษณ์ของหมู่บ้านHattstatt ครบองค์ประกอบ
หงส์เต็มทะเลสาบ มีเป็ดด้วยนะแหวกว่ายกันเข้าไป๊
พวกเราอยากนั่งเรือชมวิวทะเลสาบ ตั๋วนี้เป็นเรือข้ามฟาก ราคา 6 EUR
มุมมองใหม่จากบนพื้นน้ำ ได้อีกมุมนึงเลยนะ
โคตรสวยเลยแม่จ๋า

กลับเวียนนากัน วันสุดท้ายยังมีแรงเหลือให้ shopping กันต่อก่อนที่จะกลับไทยป่ะลุยยย คาเฟ่ก็จะเก็บ ร้านอาหารก็อยากกิน วันสุดท้ายพวกเราก็เดินเล่นกันชิวๆที่ย่านเดิมชื่อว่า  Kohlmarkt shopping street ใช้บัตร CITI PRESTIGE ได้คะแนนสะสมซิตี้ รีวอร์ด 3 คะแนน เมื่อใช้จ่ายครบทุก 25 บาทสำหรับการใช้จ่ายที่เป็นสกุลเงินต่างประเทศ

สำหรับความ VIP ของทริปนี้นี่คือสิ่งที่เราชอบที่สุด ของบัตรเครดิตซิตี้ เพรสทีจ แน่นอนมีบัตร Priority Pass™ เราก็สามารถเข้าloungeที่สนามบินได้ฟรีทั่วโลก ไม่จำกัดจำนวนครั้งเรียกได้ว่าใครมาถึงงสนามบินเร็วก็เข้าไปพักได้เลยโดยการสังเกตุได้ง่าย lounge ที่มีคำว่า Priority Pass™ สามารถเข้าได้เลยนะจ้ะ รักบัตรนี้ตรงนี้เนี่ยแหละ

สุดท้ายกลับบ้านมี ลิมมูซีนมารับ สามารถใช้ได้ 2 ครั้งต่อปีสำหรับผู้ถือบัตร Citi Prestige สบายไม่ต้องไปต่คิวแย่งรถ

สำหรับใครที่ไปเที่ยวหลายๆ ประเทศในยุโรปมาแล้วไม่ว่าจะ เป็นอังกฤษ ฝรั่งเศส หรือสเปน ถ้าอยากลองเปลี่ยนฟิลลิ่ง มา Vienna ที่โคตรโรแมนติก,สวย,อากาศดีและคนเป็นมิตร Salzburg เมืองแห่งดนตรีคลาสสิคหรือแม้แต่ Hallstatt หนึ่งในหมู่บ้านริมทะเลสาบที่สวยที่สุดในโลก เราขอบอกเลยว่าออสเตรียครบมากและสำหรับนักเดินทางที่อยากจะหาบัตรเครดิตหนึ่งใบไว้ใช้เดินทางรอบโลกเพื่อออกไปสัมผัสประสบการณ์ใหม่ อย่าลืมหาบัตรเครดิตซิตี้ เพรสทีจ ติดตัวไว้นะจ้ะ

เที่ยวต่อที่ Slovenia : Slow life ที่ Slovenia

#citiprestige #unforgettableexperiences #travelwithstyle

LEAVE A REPLY