Chennai – Kanchipuram – Mahabalipuram
เที่ยวอินเดีย, เชนไน ประตูสู่อินเดียใต้ ทำไมยิ้มไม่หุบซักที!
เวลาพูดถึงประเทศอินเดีย คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึงแต่เมืองท่องเที่ยวใหญ่ๆ เช่น เมืองเดลี หรือ เมืองชัยปุระ แต่จริงๆแล้วยังมีเมืองที่น่าสนใจอีกหนึ่งเมืองที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศอินเดีย นั้นก็คือ “เมืองเชนไน”
หลายๆ คนอาจจะยังไม่รู้จัก เมืองเชนไน มากนักเพราะยังไม่ค่อยเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว
CHENNAI
เชนไน ชื่อเดิมว่า มัทราส เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศอินเดีย เป็นเมืองแห่งอารยธรรม ทั้งสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมประเพณี ล้วนมีความเป็นมาอย่างงดงามและยาวนาน
สถาปัตยกรรมที่ถูกสร้างขึ้นด้วยหินแกะสลักมีความคงทนแข็งแรง และสวยงามมีอายุนับ 1000 ปี รวมไปถึงความเป็นอยู่ วิถีชีวิต และผู้คนของที่นี่ ก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของเมืองเชนไนที่ต้องมาสัมผัสเองให้ได้!
>>>ห้ามพลาด
ทริปนี้นอกจากจะพากันไปถ่ายรูป ดูวิว เดินชิลล์ กลับมาเม้ากับเพื่อนไม่จบไม่สิ้นก็คือตัวแตก น้ำหนักขึ้นไม่พัก แล้วก็อิ่มอร่อยที่สุดดดดดด
>>>แถมได้ไปกินข้าวหมกไก่(Briyani) สูตรต้นตำหรับอีกต่างหาก
นอกจากอาหารที่เด็ด เผ็ชชช และแซ่บ ถูกปากคนไทย กลิ่นเครื่องเทศไม่ได้แรงแบบร้านอินเดียที่บ้านเราแล้ว (ใครไปเมืองอื่นหนูไม่รู้น้า หนูไปChennai)
คนที่นี่ใจดีมากกกกกกกกกกกกกกกก พร้อมรับนักท่องเที่ยว บางคนก็อยากถ่ายรูปเก็บไว้ด้วย แล้วอาหารทุกอย่างที่เรากินคือ ถามเอาจากข้างทาง อร่อยทุกร้านไปเลยค่ะคุณแมมม่
เริ่มแรกก่อนจะไปอินเดียสิ่งที่ต้องเตรียมนอกจาก Plan ก็คือ “วีซ่าอินเดีย”
>>เราทำตาม Link นี้เลยค่า: https://www.paitamnam.com/visa-india-online/
>>ราคาต่อคนก็อยู่ที่ 81.99 USD
*ช่วงนี้ทำวีซ่าไปอินเดียราคาถูกลงด้วยน้า
**คำแนะนำสำหรับการขอวีซ่าอินเดียก็คือ ช้าสุดอย่าเกิน 4 วันก่อนที่จะเดินทาง เพราะคุณอาจจะไม่ได้ใช้เวลาแค่ 1-2 วันแบบเรา
อะพอได้วีซ่าแล้วถัดมา สิ่งที่ต้องจัดการคือ
- จองตั๋วเครื่องบิน
เราเลือกบินสายการบิน Air Asia กรุงเทพฯ-เชนไน ที่มีบินตรงทุกวัน
นอกจากเส้นทางไปเชนไนแล้ว Air Asia เค้าก็ยังมีเส้นทางไปอินเดียอื่นๆ อีกเยอะเลย
ทั้ง ชัยปุระ อาเมห์ดาบัด พาราณสี พุทธคยา โกชิ เบงกาลูรู และ โกลกาตา อย่างงี้รอช้าไม่ได้แล้ว ไปจองตั๋วกันเลยค่า
เราออกเดินทางจาก กรุงเทพฯ – เชนไน เวลา 21.15-22.55
ส่วนไฟล์ทบินกลับ เชนไน – กรุงเทพฯ เวลา 23.25-04.20
ราคาอยู่ที่ประมาณ 3000 กว่า แล้วแต่ช่วงเวลา บินแค่ 3 ชม. นิดๆ ก็ถึงแล้ว ไวเวอร์
- จองที่พัก
ที่พักเราจองเว็บโรงแรมทั่วไปโดยดูจากหบายๆ เว็บ ที่ไหนถูกเอาที่นั่นแหละ 55555 เป็นห้องสำหรับ 3 คนทุกคืน ราคาและชื่อที่พักอยู่ใต้ภาพด้านล่างน้าาา
Plantrip ของเราทั้งหมด
Day 1 (Chennai)
-The Lotus Apartment Hotel
https://bit.ly/2mkCfrf
-Kapaleeshwarar Temple
https://bit.ly/2mhnuWh
-International Shrine Of St.Thomas Mount
https://bit.ly/2khiXT7
-International Shrine of St. Thomas Basilica
https://bit.ly/2kf54EQ
-Ranganathan Street
https://bit.ly/2kJjBsH
-ร้าน Madhu Manthra mess
https://bit.ly/2mhohqd
-Express Avenue Mall
https://bit.ly/2kiJpeW
Day 2 (Chennai – Kanchipuram – Mahabalipuram)
-Kailasanathar Temple
https://bit.ly/2kKPBN8
-Saravanaa Bhavan Restaurant
https://bit.ly/2kSd9j1
-Hotel mahabs
https://bit.ly/2kzW7X6
Day 3 (Mahabalipuram)
-Tiger Cave
https://bit.ly/2lPcFug
-Shore Temple
https://bit.ly/2kh2m1D
-Moonrakers Restaurant
https://bit.ly/2m9gpa2
-TRY Supermarket
https://bit.ly/2kPnMTR
Day 4 (Mahabalipuram – Chennai)
-Varaha Cave
https://bit.ly/2kA1i9s
-Krishna’s Butter Ball
https://bit.ly/2lORBnI
-Palladium Mall
https://bit.ly/2mmv5D0
เอาล่ะ พร้อมแล้วก็เริ่มเดินทางได้เล้ยยย !!!



ถ้าบินกับแอร์เอเชียแล้วกลัวหิว ก็สามารถจองอาหารบนเว็บล่วงหน้ามาก่อนได้น้า
แนะนำว่าให้จองก่อน จะถูกกว่า ถูกกว่าเยอะเลยค่าาาาา แถมบางอย่างถ้าไม่จอง สั่งบนเครื่องอาจจะไม่มี อดทานอีกต่างหาก เค้ามีเมนูให้เลือกหลากหลายเลยย มีทั้ง ไก่อบซอสพริกไทยดำ Burger Inspi (Red), ผัดไทกุ้งสด และ ไก่ทอดซอสเกาหลี ฯลฯ
พออิ่มท้อง ก็นอนหลับสบายแล้ววว เย้!

เป็นเวลาท้องถิ่นของ Chennai เวลาช้ากว่าประเทศไทยประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งนะ
ที่อินเดียเนี่ยเวเลาเค้าจะช้ากว่าเราประมาณ ชั่วโมงครึ่งนะ

จากนั้นเราใช้บริการรถ Uber ไปโรงแรมที่เราจองไว้
การเดินทางในอินเดีย เรียก Uber ถือว่าถูกมาก ไม่ต้องเสียเวลาต่อรองราคา ไว้ใจได้ สบายมากๆ แถมหักผ่านบัตรก็ได้ หายห่วงเรื่องเศษเหรียญที่แลกคืนไม่ได้

นี่จ้าา The Lotus Apartment Hotel พวกเราจองไว้ 2 คืน 3คน 1ห้อง ราคาประมาณ 4,759 บาท รวมอาหารเช้าแล้ว


– ออมเล็ต ที่นี่เค้าใส่เนยเยอะๆ กลิ่นหอมมากเลย

วันนี้ทั้งวันเราจะใช้บริการรถ Uber กันนะ สะดวก สบาย ปลอดภัยและราคา fixed rate สบายใจ ไม่ต้องห่วงเรื่องการต่อรอง







>>>Kapaleeshwarar<<<
เป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบดราวิเดียน ที่เป็นไฮไลท์สุดๆ คือ ซุ้มประตู โคปุระ สองซุ้มที่สูงตระหง่านและดูวิจิตร ซุ้มประตูทางด้านตะวันออกซึ่งมีความสูงเกือบ 40 เมตร
และซุ้มประตูขนาดเล็ก อยู่ทางด้านตะวันตก ซุ้มประตูนี้หันหน้าเข้าหาทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์ซึ่ง บรรดาผู้แสวงบุญมักจะมาให้อาหารปลาที่นี่ ได้รับการบำรุงรักษาและบริหารงาน
โดยคณะศาสนาและการบริจาคของศาสนาฮินดูของรัฐบาลทมิฬนาฑู ถ้าเป็นวัดที่ยังมีการทำพิธีกรรมต่างๆอยู่ ก็จะมีเวลาเปิดปิดนะ ถ้าเป็นวัดที่ยังมีการทำพิธีกรรมต่างๆอยู่ ก็จะมีเวลาเปิดปิดนะ
(ข้อมูลอันนี้เราได้จากในรีวิวท่องเที่ยวอื่นๆ ก่อนไป Chennai )
เวลาเปิดปิดของ Kapaleeshwarar Temple คือ 05.00-12.00 น. ,16.00-21.30 น.
ก่อนเข้าจะมีที่ฝากรองเท้าให้ฝาก ห้ามใส่รองเท้าเข้าไปเด็ดขาดเลย
และจะต้องเสียค่าถ่ายภาพด้วย พวกเราเสียค่ากล้อง 25 รูปีต่อกล้อง 1 ตัว (ประมาณ 10 บาท)


เดินออกมาจากวัด ทางด้านขวามือก็จะมีร้านชานมเล็กๆตั้งอยู่
แนะนำให้ไปลองซื้อดื่ม แก้วละ 10 รูปีเท่านั้นเองงง อร่อยมากแม่!
ไม่หวานจนเกินไป ดื่มตอนร้อนๆ คือที่สุดดดด
ร้อนที่สุด ! ปากกับคอพองไปอีกสามชั่วโมง 555555
** กลับมาไทยมีคนบอกว่าชาแบบนี้ บางที่เค้าใส่มาซาล่าด้วย แต่เราไม่แน่ใจว่าของเราใส่มั้ย**

ที่ต่อไปที่เราไป ก็คือ International Shrine Of St.Thomas Mount จ้าา เป็นโบสถ์ที่ตั้งอยู่บนเขา
Location : https://bit.ly/2khiXT7




อินเดียที่ให้อารมณ์แบบเมืองหนาว ชิวมากกก



ข้างบนลมเย็นสบายมาก ถ้าไม่เห็นคนเดินหรือไม่มีใครบอกว่าที่นี่คืออินเดียนะ ไม่รู้เลยจริงๆนะ เหมือนไปโบสถ์แถบยุโรปเลยอ่ะแกร! สวยมากแม่!
>>>International Shrine of St.Thomas Mount<<<
เป็นโบสถ์คาทอลิก ตั้งอยู่บนเนินเขาในชุมชน คริสเตียนซีเรีย
ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวแองโกล-อินเดีย มีความหลากหลายในการนับถือศาสนามากๆ แต่เขาก็อยู่ร่วมกันได้ แถมดูมีความสุขมากๆ ด้วยนะ


เรามาเจอน้องๆใส่ชุดยูนิฟอร์มนักเรียน อยู่ตรงจุดให้บริการน้ำดื่มฟรี
บังเอิญเจอเด็กๆ เค้ามาวัดกันเยอะมากเลยแหละ
…เอ๊ะ หรือว่าวัดนี่อยู่ใกล้โรงเรียนเค้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ฮ่าๆๆๆ

ที่ต่อไปปปปปป ทริปสงบจิตใจของเราก็ยังคงไปตามหาอีกโบสถ์ นั่นก็คือ International Shrine of St. Thomas Basilica และด้วยรักค่ะ เค้าทำพิธรกันอยู่ ไม่สามารถเข้าไปถ่ายข้างในได้




>>>มหาวิหารเซนต์โทมัส<<<
เป็นโบสถ์โรมันคาทอลิก ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ในศตวรรษที่ 16
ชาวอินเดียเชื่อว่า เซนต์โทมัส ถูกทรมาณเนื่องจากความเห็นต่างทางศาสนา ร่างของท่านถูกนำมาฝังไว้ ณ สถานที่นี้เป็นเวลายาวนาน และโบสถ์แห่งนี้ถูกยกให้เป็นศูนย์รวมของนักแสวงบุญ สำหรับคริสเตียนที่อยู่ในประเทศอินเดียอีกด้วยน้า
เปิดตั้งแต่ 06.00-20.00 น.
***ถ้ามีพิธีด้านในอยู่เราสามารถถ่ายรูปได้แค่ภายนอกเท่านั้นนะคะ

และนี่คือตลาด Ranganathan Street !!!
นี่ที่ดังมากๆ เขาว่าเป็นเหมือนตลาดพาหุรัดของอินเดียอ่ะแก!
เราจึงมาเดินเพื่อซื้อชุดส่าหรีและหาข้าวเย็นทานกันที่นี่เลยยยย
Location : https://bit.ly/2kJjBsH


Sweetcorn และ Masalacorn ถ้วยละ 20 รูปี ขอบอกต้องมาลองจ้าา!
- Sweet Corn คือเอาข้าวโพดหวาน มาใส่เกลือนิดนึง
- Masala Corn มันจะมีกลิ่นแบบเครื่องเทศที่ออกไปทางเค็มและเผ็ดหน่อยๆ แต่ไม่ได้กลิ่นเหมือนแกงกะหรี่นะ
*** คิดว่ามาอินเดียควรลองอะไรที่เค้า topping เป็น masala ดู แปลกใหม่ไปอีกแบบ

ดอกกะปล่ำชุบแป้งทอด จานละ 25 รูปีเอง
– อันนี้ดี ขนาดกินตอนเหี่ยวแล้วยังชอบเลย กรอบๆ เค็มๆ มีเผ็ดนิดๆ และเหนียวหน่อยๆ 5555

ไอศกรีม Twotone โคนละ 10 รูปี หวานเย็นชื่นใจ!
หวานจนหมอเรียกให้ไปตรวจเลือด

ขนม Seempal ทำจากนมแพะ(คนขายบอกมา) คู่ละ 20 รูปี กลิ่นหอมนม ไม่มีกลิ่นคาว
สัมผัสดึ๋งๆ รสชาติเหมือนนมอัดเม็ดเลยยย

นี่คือขนมพานีปูรี เค้าบอกฮิตมากในหมู่คนอินเดีย
บางร้านถึงกับต้องต่อแถวทานกันเลยนะ
ราคา 20 รูปี ได้ทั้งหมด 10 คำ กินไม่หมดแนะนำให้หารกับคนข้างๆ

- รสชาติอมเปรี้ยวนิดๆ ทานแล้วจะรู้สึกสดชื่นมากๆ
- เป็นแป้งกรอบเจาะรู แล้วเค้าจะตักน้ำอาจาดที่มีกลิ่นสะระแหน่ ประมาณนั้นใส่มาให้เรา
- ตอนเสิร์ฟเค้าจะใส่มันฝรั่งมาให้ในลูกด้วย
- วิธีกินคือเอาหอมแดงใส่รูแล้วหมับบบบ เข้าปากไปเล้ยย

สำหรับคนที่อยากซื้อชุด เราเดินมาเรื่อยๆ เจอร้านขายเสื้อผ้าเยอะมากกก แวะสิคะ รออะไร ซื้อกลับไปเป็นของฝากก็ได้ ราคาส่าหรี เท่าที่เราเห็นเริ่ม 700 รูปี

ร้านอาหารที่พวกเราไปทานกัน อยู่ในตลาด Ranganathan Street เลย
ร้านชื่อ Madhu Manthra mess เดินๆ แล้วเจอ อันนี้ลองปักหมุดดูน่าคิดว่าตรงแหละ
Location : https://bit.ly/2mhohqd

นี่คือ Chicken Noodles ราคา 90 รูปี
- รสชาติเหมือนผัดก๋วยเตี๋ยวของจีนเลยอะ อร่อย กลิ่นหอมกระทะ ยัมมี่มั่กกกกก โหวตให้ความอร่อยเป็น Top 3 ของทริปนี้

Chicken biriyani ราคา 110 รูปี
- จริงๆ จะสั่งอันที่เป็นข้าวหมกไก่เลย คือแบบที่ไม่ได้ผัดมา แต่เค้าเอาอันนี้มาให้
- รสชาติก็คือคล้ายๆ กับข้าวหมกไก่ที่เรากิน ข้างๆ จะมีขวดซอสสีเขียวให้
- คนที่นี่นิยมกินกับซอสขาวๆ ที่คล้ายๆ โยเกิร์ตผสมหอมใหญ่แบบในรูปแหละ
สรุปความชอบ เราชอบแบบของไทยมากกว่า เพราะว่ารสจัดกว่า อิอิ หรือใครมีร้านอื่นแนะนำบอกได้เลยน้าาา เดี๋ยวจะกลับไปตามล่าอีก

Garlic Chicken ราคา 80 รูปี
- อันนี้อร้อยยยยยย อร่อยยย
- เผ็ด เค็ม ไก่นุ่มกำลังดี ไม่มีหนังเลย
ทั้งหมด 290 รูปี รวมค่าน้ำ
เมนูแนะนำร้านนี้ คือ Chicken Noodles อร่อยมากกก ต้องมาลอง!
พวกเราไปกัน 3 คน อิ่มสุดๆ เลยจ้าา

ภายในห้างมีทั้งร้านอาหาร Krispy Kreme STARBUCKS
ภายในห้างมีทั้งร้านอาหาร เยอะแยะ รวมถึง Krispy Kreme STARBUCKS
ร้านแบรนด์เนม SEPHORA H&M LEVI’S Adidas ของเยอะมากก ว่าไม่ได้นะ อยากชอปต้องได้ชอป! ใครที่ไม่อยากเดินกินข้างทางแบบเรา มาที่นี่มีร้านอาหารเยอะแยะ หายห่วงเลยค่า ละเราข้ามไปเดินส่วนของห้าง คือ CLARINS ถูกมากกกกกกกกก น้ำตบ Extra Firming ประมาณ 1,300 บาทไทย แซ่บบบบบ
Location : https://bit.ly/2kiJpeW




เราเริ่มต้นวันที่ 2 ด้วยการใช้บริการรถเช่ากันเล้ยย
รถเช่าเราติดต่อไว้จากเอเจนซี่ที่ไทยก่อนมา ราคาประมาณ 7,000 บาท (รวมทิปส์ให้คนขับแล้ว)
ได้ 10 ชั่วโมงต่อวัน เที่ยวกันจุกๆไปเลยยย
พวกเราเลือกใช้รถเช่าวันนี้ เพราะต้องเดินทางข้ามเมืองจาก Chennai ไป Kanchipuram และ Mahabalipuram ระยะทางค่อนข้างไกล ใช้บริการรถเช่าน่าจะคุ้มกว่า Uber แหละ ที่สำคัญคือไม่ต้องห่วงเรื่องแบกกระเป๋าสัมภารก เอ้ยสัมภาระของเราด้วย

WELCOME TO KANCHIPURAMMMMMMM!
ถึงแล้วค่า เมืองกาญจีปุรัม เมืองที่มีวัดเยอะมากกกกกกกก จนได้รับการขนานนามว่า “นครพันวัด”


เมืองกาญจีปุรัม เป็นเมืองที่มีวัดมากกว่า 1,000 แห่ง จนได้ชื่อว่า นครพันวัด ซึ่งภายใน Kailasanathar Temple นั้นได้รับการตกแต่งด้วยงานหินแกะสลัก ซึ่งที่พบมากที่สุดก็คงจะเป็นรูปเทพครึ่งสัตว์







ดีเทลงานหินแกะสลักของ Kailasanathar Temple ดีงามมากกกกก ให้ความรู้สึกเหมือนย้อนไปสมัยโบราณเลย

ระหว่างทางเราแวะทานอาหารกันที่ Saravanaa Bhavan Restaurant
ที่นี่คนขับรถบอกเราว่าดังแล้วก็มีหลายสาขาด้วย
Location : https://bit.ly/2kSd9j1

เราสั่งทั้งหมดจะมี
- Set Saravanaa Bhavan 220 รูปี
- Paneer Butter Masala 330 รูปี
- Butter naan 90 รูปี
- Rolti Plain 80 รูปี

Set Saravanaa Bhavan
แผ่นตรงกลางนี่อร่อยมากเลย เป็นแป้งกรอบๆ บางๆ คล้ายข้าวเกรียบ
- ในถ้วยเล็กๆ จะมีแกงหลากหลายอย่างของเค้า
- สีขาวๆ คือโยเกิร์ตแหละ
- วิธีกินคือเอาพวกแกงนี่ราดกับข้าว เอามือคลุกเคล้ให้เข้ากันแล้วกินเลย
- เติมข้าวไม่อั้นนนนนน
**แผ่นแป้งบังข้าวขออภัยค่าาา

Butter naan
- แผ่นนานรสเนย อันนี้แตกต่างจากที่เคยกินที่ไทยมากมากกกกก
- กรอบนอก ข้างบนหนึบๆ คล้ายกับแผ่นแป้งพิซซ่าร้าน Italian แพงๆ ที่มีกลิ่นเตาถ่านด้วยเลยอะ
ราคาอาหารทั้งหมด 1147 รูปี รวมค่าน้ำและเราเลี้ยงอาหารกลางวันคนขับรถเช่าด้วย
วัฒนธรรมการกินของที่นี่ เขาไม่นิยมทานเนื้อสัตว์กัน แป้ง ถั่วและนม จึงเป็นวัตถุดิบหลักของอาหารที่นี่
เช่น นานหรือแป้งโรตี ที่ทานคู่กับแกงต่างๆแทนข้าว ขนมหวานที่ทำจากนมวัวและนมแพะ อร่อย อิ่ม และอยู่ท้องได้ทั้งวันเลยจร้าา
สำหรับใครที่กลัวว่าการทานอาหารที่นี่ จะไม่มีช้อนซ้อมให้ เราสามารถขอจากทางร้านได้เลยนะ แต่ตอนที่พวกเราทาน คือ ใช้มือคือฟินที่สุด! แต่อย่าลืมล้างมือกันนะจ๊ะ


ถึงเมือง Mahabalipuram แล้ว อันนี้เป็นทางเข้า Hotel mahabs ที่พวกเราพักกันอีก 2 คืน
Location : https://bit.ly/2kzW7X6


เราจองห้องDeluxe Roomไว้ 2 คืน 3คน 1ห้อง
ราคาประมาณ 3,000 บาท รวมอาหารเช้าแล้ว

พวกเราเลือกที่จะทานอาหารเย็นกันที่โรงแรมเนื่องจากฝนตก ก็เลยกลายเป็น Dinner ริมสระ บรรยากาศดี ชิวๆ เหมาะกับเครื่องดื่มเย็นชื่นจายยย

เมนูนี้คือ Paneer Butter Masala ทานคู่กับ Naan
- ก้อนสี่เหลี่ยมคือก้อนชีสค่าาา ท่านผู้ชมมม กินแกงชีสกันค่า อร่อยมากมากกกก


เมนูแนะนำอันดับ 1 ไม่พักที่นี่ก็ได้ แต่มากินเถอะ 90 รูปี ก็ไม่ถึง 45 บาท เอง อิ่มมาก แน่นมาก แซ่บมากก
- เป็นแซนด์วิชไส้พริกซอย กระเทียม ชีสสสสสสสส อร่อยจริงๆ อธิบายไม่ได้นอกจากต้องไปลองเอง ตลอดทั้งทริปเราสั่งไป 3 รอบ อร่อยจริงๆ สุดๆ อร่อยมากที่สุดดดดด

ราคาอาหารเย็นมื้อนี้ 1406 รูปี
มีน้ำผลไม้ปั่น Sweetlime juice 80 กับ Lemon mint juice 60
และเบียร์ 1 ขวด 250 รูปี 3 คน อิ่มที่สุดดดดดดดด
.
และเช้าวันถัดมาค่าาา เราเหมารถจากโรงแรมเพื่อให้พาไปเที่ยวตามที่ๆ เราระบุเอาไว้ โดยค่ารถเนี่ยจะรวมทุกอย่างแล้ว ทั้งค่าจอด ค่าน้ำมันต่างๆ ในราคา 1,500 รูปี
– Tiger Cave
– Shore Temple
– Moonrakers Restaurant
– กลับมาที่โรงแรม

ไป! ไปเที่ยวกันต่อที่ Tiger Cave ตั๋วเข้าชมคนละ 300 รูปีนะจ๊ะ
Location : https://bit.ly/2lPcFug


เดินเข้ามาก็ได้แต่คิดว่า …ที่นี่อินเดียจริงเหรอเนี่ยยย



Tiger Cave ได้ชื่อมาจากการแกะสลักหัวเสือ ที่ปากถ้ำ เป็นจุดปิกนิกของคนที่นี่ที่นิยมมากับคนรักหรือครอบครัวมาก
เปิดปิดเวลา 10.00-17.00 น. ปิดทุกวันจันทร์


ระหว่างทางอากาศร้อน ก็เลยแวะดื่มน้ำมะนาวโซดากันสักหน่อย
คุณป้าคั้นให้สดๆเลย สดชื่นมากกกก! เค็มสดชื่นมาก !! ใส่เกลือล้วนๆ ไม่มีน้ำตาลผสม

มาที่ต่อไปกันเลย ที่นี่คือ Shore Temple หรือ “ราชสิงเหศวร”
Location : https://bit.ly/2kh2m1D
ตั๋วค่าเข้าคนละ 600 รูปี







Shore Temple
ตั้งอยู่บนชายหาดที่เป็นชายฝั่งของอ่าวเบงกอล เป็นวัดของพระศิวะ โครงสร้างของ Shore Temple สร้างด้วย หินแกรนิต เป็นหนึ่งในกลุ่มของอนุสาวรีย์ที่ Mahabalipuram ได้รับการจัดให้เป็น มรดกโลก ขององค์การยูเนสโก ตั้งแต่ 2527 และเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้าง ที่เก่าแก่ที่สุดของอินเดียใต้ด้วยยย
เวลาเปิดปิด 06.00-21.00 น.

กองทัพต้องเดินด้วยท้องจ้าา แวะทานข้าวกันหน่อย
ร้านชื่อ Moonrakers Restaurant เป็นร้านที่คนขับรถเช่าแนะนำมา
มาถึงคือคนเต็มร้าน พวกเราได้โต๊ะที่อยู่ชั้น2
Location : https://bit.ly/2m9gpa2

ราคา 400 รูปี มีเมนูนี้ทุกโต๊ะ ส่วนน้ำจิ้มคือ… เนยละลาย แนะนำว่าอย่าจิ้มเยอะ



Pineapple juice 100 (น้ำสีเหลือง)
Grape juice 100 (น้ำสีม่วง)
Lime juice 50 (น้ำสีขาว)
รวมค่าอาหารที่ Moonrakers มื้อนี้ 1300 รูปี
ความเห็นส่วนตัว… เราว่าร้านข้างทางอร่อยกว่าทุกอย่างเลยง่ะ ร้านนี้แอบราคาสูงนิสสส
หลังจากกินเสร็จเราก็กลับเข้าโรงแรม ให้รถไปส่ง เข้าห้องน้งห้องน้ำต่างๆ แล้วก็ออกมาเดินเล่นตอนกลางคืน

เข้าซุปเปอร์มาร์เก็ตของที่นี่กันหน่อย
ชื่อว่า TRY Supermarket
Location : https://bit.ly/2kPnMTR


*** ห่อสีเขียวอร่อยมาก รส sour cream กับหอมแขก หอมเด้งถูกใจไม่เหมือนที่เมืองไทยเลย

และด้วยความติดใจแซนด์วิชของโรงแรมนี้ ก็สั่งมาตบท้ายกันก่อนนอนสักหน่อยยย
90 รูปี ก็คือ 40 กว่าบาทเองง ละอิ่มมาก เพราะมันใหญ่





หินแกะสลักนี้คือ Varaha Cave จร้าา
Location : https://bit.ly/2kA1i9s
เป็นประติมากรรมที่โดดเด่นที่สุด ภายในถ้ำคือพระวิษณุ และยังมีการแกะสลักเป็นตัวเลขในตำนานมากมายเลยย

ละสถานที่สุดท้าย Krishna’s Butter Ball
Location : https://bit.ly/2lORBnI
หินกฤษณะ บัตเตอร์บอล มีความสูงประมาณ 6 เมตร กว้าง 5 เมตรและมีน้ำหนักประมาณ 250 ตันและมันตั้งอยู่บนฐานประมาณ 1.2 เมตร (4 ฟุต) บนทางลาดเอียงแต่ไม่ไหลหรือกลิ้งลงมาเลยย ในประวัติศาสตร์เขาว่าหินกฤษณะ บัตเตอร์บอล มีอายุถึง 1200 ปี นานมากกก และถูกระบุว่าเป็นอนุสาวรีย์ทางประวัติศาสตร์โดยการสำรวจทางโบราณคดีของอินเดียอีกด้วย!

คือ Krishna’s Butter Ball เนี่ย อยู่ในพื้นที่เดียวกันกับเมื่อกี๊เลย เดินได้ แบบครึ่งนาที ถึง !


มาที่นี่เราเจอวัยรุ่นอินเดียเยอะมากกกก มาถ่ายรูปเช็คอินกันที่ Krishna’s Butter Ball
หลังจากถ่ายรูปจนจุใจจากเมืองนี้ พวกเราก็เหมารถเช่าจากโรงแรม เพื่อกลับไปยังเมือง Chennai เราจึงตกลงราคาไป 1,600 รูปี ให้รถเช่าไปส่งพวกเราที่ห้างสรรพสินค้า เพื่อรอเวลาไปเช็คอินขึ้นเครื่องกลับประมาณ 20.00 น.


นี่เรียกว่า Palladium Mall เป็นห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่โตมาก
มีร้านเครื่องสำอาง ของแบรนด์เนม Hi-End Luxury แต่ Hi-Street ไม่มีน้าาา
นอกจากนี้ยังมี Super Market ด้วย แล้วก็มีร้านขายโมเดล!!
Location : https://bit.ly/2mmv5D0
***Palladium Mall ห้ามถ่ายภาพค่าาา

เมื่อถึงเวลาเช็คอิน เรามาที่ Chennai airport สายการบินที่พวกเราเลือกเดินทางกลับคือ สายการบินแอร์เอเชียนะจ๊ะ เที่ยวบิน Chennai-Bangkok เวลา 23.25 น. ตามเวลาท้องถิ่น
เนื่องจากที่ Chennai airport ห้ามถ่ายภาพ เลยไม่มีรูปมาฝากเลย แต่ข้างในมีที่นั่งรอพร้อมมีที่เสียบชาร์จแบต และถ้าหากใครที่อยากทานอาหารมื้อใหญ่ๆ ก่อนบิน แนะนำว่าให้ทานจากห้าง หรือข้างนอกมาเลยจะดีกว่าค่า
>>>สิ่งที่ชอบ
สำหรับทริปนี้พวกเราได้มาท่องเที่ยว สัมผัสความเป็นอยู่ และวัฒนธรรมต่างๆของเมือง Chennai และ Kanchipuram ที่เป็นเพียงเมืองเล็กๆในประเทศอินเดียทางตอนใต้
จะเรียกได้ว่าเป็นเมืองแห่งประวัติศาสตร์ก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็น วัด โบสถ์ หรือสถาปัตยกรรมที่ถูกสร้างและแกะสลักอย่างปราณีต มีอายุที่ยาวนานเป็นร้อยเป็นพันปี เหมาะมากๆสำหรับนักเดินทาง หรือนักท่องเที่ยวที่อยากได้ทั้งความสวยงามและความรู้คู่กัน
หรือจะเป็นสายมูเตรูที่จะมากราบไหว้ขอพร ถึงต้นกำเนิดสายมูอย่างประเทศอินเดียก็ถือเป็นทริปที่น่าสนใจมาก ครั้งหนึ่งในชีวิตก็ไม่ควรพลาดที่นี่เป็นอย่างยิ่ง
หรือจะเดินทางไปที่เมือง Mahabalipuram เป็นเมืองที่อยู่ติดทะเล
ผู้คนไม่พลุกพล่าน ชาวบ้านก็น่ารักมากๆ อาหารการกินไม่มีขาด
ราคาถูก แถมอร่อยมากอีกด้วย อยากให้ทุกคนได้ไปลอง
เมนูแนะนำเมื่อเดินทางไป Chennai
– Butter Masala
– Chicken Noodles
– แซนด์วิชพริกใส่ชีส
– Cheese/ Butter Naan เวอร์ชั่นต้นตำรับ
Chicken Noodles
จานนี้กลิ่นจะมาแบบหอมกระทะ Wok สุด เส้นเด้งดึ๋ง ไม่เละ เค็มๆ หอมๆ แซ่บบบบบ อย่าลืมขอพริกเขียวกินแกล้มด้วย อิอิ
Paneer Butter Masala
อันนี้จะเป็น แกงอินเดียสีส้มๆ ข้นไม่มาก แล้วใส่นมก้อนลักษณะคล้ายๆ ชีส สัมผัสเหมือนเต้าหู้ กินคู่กับนานคืออร่อยสู้ตาย สั่งเพิ่มไปอีก 2 จาน
Butter Naan, Cheese Naan
ขอให้ลืมรสชาติ Naan ที่เคยกินในบ้านเราไปซะ! พอไปกินที่อินเดียนี่คือสวรรค์มากกกก
กรอบนอกฉ่ำใน หอมเนยยยยยยยย ที่สุดในปฐพี #เลิฟ
ILOVEYOU CHENNAIIIIIIIIIIIIIIIIIIIII
พวกเราจะกลับไปอีกแน่นอน 🙂