Nagoya ศูนย์กลางญี่ปุ่น เมืองนินจา
“นาโกย่า” เคยได้ยินชื่อเมืองนี้กันหรือเปล่า บางคนอาจจะใช้เมืองนี้เป็นทางผ่านไปเยือนเมืองอื่นๆในญี่ปุ่น แต่รู้หรือเปล่าว่านาโกย่านี่แหละเป็นเมืองต้นกำเนิดของนินจาเลยนะ และยังเป็นศูนย์รวมฐานการผลิตในหลายๆด้านเลย ไม่ว่าจะเป็น เกษตร ประมง อุตสาหกรรม หรือ แม่แต่ด้านอวกาศ เรียกได้ว่า นาโกย่าเป็นศูนย์รวมการผลิตเลยก็ว่าได้ นอกจากนี้นาโกย่า เป็นเมืองที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ รวมถึงธรรมชาติที่สวย ของกินที่โคตรจะอร่อยและแหล่งช็อปปิ้งที่ไม่แพ้เมืองอื่นๆ ขาช็อปต้องไม่พลาด!!
แล้วทุกคนรู้หรือไม่ว่า นาโกย่านี่แหละเป็นเมืองใหญ่ที่สุดในภูมิภาค “ชูบุ” ซึ่งตั้งอยู่ตรงกลางของประเทศญี่ปุ่นอีกด้วยนะ ลองกางแผนที่ดูสิ กลางเป๊ะ จึงไม่แปลกใจที่หลายๆคนอาจจะมองว่าเป็นทางผ่าน แต่การไปนาโกย่าของเราในครั้งนี้อาจจะทำให้หลายๆคนเห็นอีกมุมนึงของน่าโกย่าว่าไม่ได้เป็นแค่ทางผ่านอีกต่อไป
จริงๆแล้ว “ นาโกย่า ”เป็นเมืองที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 4 ของญี่ปุ่นเลยนะ มีประชากรกว่า 2.3 ล้านคน ตั้งอยู่บนชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกบนเกาะฮนชู เป็นหนึ่งในเมืองท่าหลักของญี่ปุ่น และนาโกย่ายังเป็นศูนย์กลางของเขตมหานครที่ใหญ่เป็นอันดับสามของญี่ปุ่นหรือที่เรียกว่า แขวงมหานครชูเกียว ซึ่งคำว่า “นาโกย่า” อ่านว่า นาโงยะ มีความหมายว่า สงบสุข และชูเกียวก็หมายถึงนาโกย่าเหมือนกัน
ก่อนจะไปนาโกย่าเราต้องรู้อะไรบ้าง
AIRPORT
สนามบินที่เราแลนด์ชื่อว่า ท่าอากาศยานนานาชาติชูบุเซ็นแทรร์ (NGO) เป็นท่าอากาศยานหลักของนาโกย่า สร้างขึ้นโดยการถมทะเลบริเวณเมืองโทโกมาเนะ ที่นี่มีทั้ง Domestic และ International flight เยอะมาก สนามบินสวย ทันสมัยไม่แพ้เมืองอื่นๆของญี่ปุ่นเลย ของกินก็เยอะมาเช่นกัน
SIM
เราใช้ Sim2Fly 399 เท่านั้น คุ้มค่าซื้อจากสนามบินที่ไทยไปเลย ไม่ต้องไปเผชิญกับความยุ่งยากวิ่งหาซิม คือแลนด์ปุ๊ปต่อเน็ตปั๊ป
VISA
ถ้าไปญี่ปุ่นเพื่อไปท่องเที่ยว เราไม่ต้องขอVISAเน้อ และอยู่ได้ไม่เกิน 15 วัน เพราะฉะนั้นไปโลดด
TIME
เวลาของประเทศญี่ปุ่นเร็วกว่าไทยแลนด์ 2 ชั่วโมง ชิวๆ
EXCHANGE RATE
ช่วงที่เราไป 1 JPY = 0.280547 THB เวลาคำนวนคร่าวๆ เอาเงินเยนคูณ 0.3 ก็จะได้เป็นบาทเป็นราคาคร่าวๆไม่ต้องยุ่งยาก
เหตุผลที่ทำให้คุณอยากไปเยือนนาโกย่า
FOOD อาหารที่ญี่ปุ่นจะมีหลายประเภท พวกsushi Izakaya Omakase Yakiniku หรือ Katsudon แต่เมืองนาโกย่านั้นมีอาหารเฉพาะที่หาไม่ได้ในภูมิภาคอื่นนั่นก็คือ
“หมูทอดราดซอสมิโสะ” เมนูหมูทอดถือเป็นอาหารยอดฮิตอีกหนึ่งอย่างของญี่ปุ่น แต่ MisoKatsu หมูทอดที่นาโกย่านั้นแตกต่างจากที่อื่น เพราะว่าซอสที่ใช้ราดบนหมูจะมีสีเข้มเป็นเอกลักษณ์ มาจากส่วนผสมของถั่วแดงแล้วก็ถั่วเหลือง รสชาติเข้มข้น เค็มๆหอมมันของซอสมิสึคือดีมากต้องไปตำนะ
TRANSPORTATION การเดินทางมานาโกย่ามีหลายเส้นทางมาก เราแนะนำบินมาลงนาโกย่าเลยที่ท่าอากาศยานนานาชาติชูบุเซ็นแทรร์เลยเพราะสะดวกมาก ง่ายต่อการเดินทางต่อไปเมืองอื่นๆต่ออีกด้วย เช่น Shirakawa-go, gifu หรือ Takayama
ส่วนวิธีเดินทางจากสนามบินเข้าเมืองหรือผ่านไปเมืองต่างๆ ก็มีหลายทางเช่นกันนั่นก็คือ
– Train โดยรถไฟซินคันเซ็งไปถึงโตเกียว ประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที , ไปโอซาก้า 55 นาที ส่วนเดินทางไปทาคายาม่า หรือแถวๆชูบุ นั่ง JR ประมาณ 2 ชั่วโมง 20 นาที หรือถ้าอยากไป Shirakawa-go เมืองมรดกโลกก็ประมาณ 2 ชั่วโมง 45นาที คือนาโกย่าเป็นเมืองศูนย์กลางจริงๆแหละ เดินทางต่อไปเมืองอื่นๆได้สะดวกมาก
– TAXI เข้าสู่เมืองนาโกย่าใช้เวลาประมาณ 50 นาที แต่ราคาจะสูงหน่อยประมาณ 12,000 เยน เราไม่แนะนำวิธีนี้เพราะราคาสูงไปนิด เก็บเงินไว้เที่ยวดีกว่าเนอะท่านผู้ชม
–Airport Bus มีรถบัสลิมูซีนจากสนามบินให้บริการส่งถึงตัวเมืองนาโกย่า โดยสามารถขึ้นรถได้ที่สนามบิน อาคารรถโดยสาร Meitesu ไปลงแถว สถานี นาโกย่าฟูชิมิ, ซากาเอะได้ มีบริการทุกวัน ใช้เวลาประมาณ 50 นาทีถึง 1 ชั่วโมงนิดๆ ราคา ผู้ใหญ่ 1,200 เยน และเด็ก 600 เยนเท่านั้น ก็คือสะดวกนอนยาวๆตื่นมาคือถึงตัวเมืองเลย
HOTEL เราพักกันที่ LAGUNA SUITE HOTELโรงแรมที่เราพักอยู่ใจกลางเมืองเลย ชื่อย่าน Sakae สะดวกติดแหล่ง Shopping ร้านอาหารเยอะมาก คือเด็ด ถ้าหากใครจะมา Nagoya แนะนำให้มาพักย่านนี้นะ ถ้าจากสนามบินต่อรถบัสก็ประมาณ 50 นาที รถไฟประมาณ 40นาทีเท่านั้น
CULTURE รู้กันมั้ยว่าภูมิภาคชูบุเป็นเมืองต้นกำเนิดของนินจานักรบผู้เก่งกาจเลยนะ ตามเมืองเราก็จะเห็นรูปปั้นนินจาตามข้างทางเลย แม้กระทั่งในสนามบินชูบุ ก้มีรูปจำลองนินจาอยู่ตามที่ต่างๆ
WEATHER พวกเราไปช่วง Winter ก็คือช่วงหน้าหนาวกัน อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 5-8 องศา อากาศดีมาก แต่ญี่ปุ่นสวยทุกฤดูเลยแหละ
Summer 20-30 องศา จะเริ่มต้นตั้งแต่เดือน มิถุนายน ไปจนถึงเดือนสิงหาคม เป็นเดือนที่ท้องฟ้าสีสวยมาก เทศกาลประจำปีเยอะมากด้วย ใครที่ไม่ชอบความหนาวเย็น ฤดูนี้แนะนำเลย
Autumn 10-20 องศา จะเริ่มตั้งแต่ เดือนกันยายน ไปจนถึงเดือนพฤศจิกายน ต้นไม้เริ่มผลัดสีจากเขียวเป็นแดง ส้ม เหลือง ถ่ายรูปสวยมากขอรับ โทนของภาพก็จะส้มๆหน่อย
Spring 10-20 องศา จะเริ่มต้นในเดือนมีนาคม ไปจนถึงเดือนพฤษภาคม สดชื่นมาก เพราะในฤดูนี้ ดอกไม้จะเริ่มผลิ ใบไม้สีเขียวขจี ลมเย็นๆ ยิ่งถ้าช่วงปลายมีนาคมถึงเมษา ซากุระบานคือดีมาก เมืองทั้งเมืองจะเต็มไปด้วยสีขาวชมพูเลยแหละ
Winter เดือนธันวาคม ไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 0-10 อากาศจะหนาวมาก ยื่งถ้าออกนอกเมืองไปหน่อยคือหิมะตก ธารน้ำกลายเป็นน้ำแข็ง ข้างทางขาวโพลน ส่วนตัวเราชอบอากาศหนาว ฤดูนี่ถูกใจสุดถึงแม้จะโคตรจะหนาวก็ตาม ฮ่าๆ
BUDGET ต่อคน
โรงแรม คืนละ คืนละประมาณ 7,600 เยน
อาหารการกิน 13,000 เยนต่อคน
เดินทาง คนละประมาณ 15,000 เยน รวมทั้งรถบัส แท็กซี่ subway
รวมทั้งทริปตกคนละประมาณ 43,200 เยน ตีเป็นเงินไทยประมาณ 12,960 บาท
และนี่คือ Plan ท่องเที่ยวของเรา
6 Feb : Chubu Centrair International Airport / Nagoya castle / Nagoya underground street/ Osu shopping street / เดินเล่นแถวย่าน Sakae
7 Feb : Nagashima Spaland / Nabana no sato
8 Feb : Higashiyama Zoo / Kakuosan japan thai temple / Flight of dreams
DAY 1 ลุยตัวเมืองนาโกย่า
เราเดินทางกับการบินไทย บินตรงมาลง สนามบินชูบุ เซ็นแทรร์ เมืองนาโกย่าเลย ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมงนิดๆ เที่ยวบินที่ TG644 00:05 ถึงตอน 7:30 ที่ญี่ปุ่นตอนเช้าตรู่พอดี ลงเครื่องมาก็คือว้าวกับสนามบินเลย ใหญ่โปร่งโล่งตามาก สนามบินนี้เหมือนประตู่สู่โลกแห่งนินจาและซามูไรเพราะว่าเค้าตกแต่งด้วย หุ่นของนินจาเต็มไปหมด มองเห็นมาแต่ไกลโพ้น แล้วสนามบินแห่งนี้มีอีกชื่อหนึ่งว่าสนามบินนินจาด้วยนะ เพราะนาโกย่าก็คือเมืองแห่งนินจายังไงหล่ะ !!!
“สนามบินชูบุ เซ็นแทรร์” (Chubu Centrair International Airport) หรือคนนิยมเรียกกันว่า สนามบินนาโกย่า ตอนนี้สายการบินจากไทยที่บินตรงสู่สนามบินนี้ก็จะมี Thai Airways , Japan Airline , AirasiaX ภายในสนามบินนี้มีทั้งหมด 4 ชั้นด้วยกันโดยชั้นที่ 2 จะเป็นผู้โดยสารขาเข้า และชั้น 3 คือผู้โดยสารขาออก และสามารถเข้าเมืองได้อยากสะดวกสบาย มีทั้งรถไฟ รถบัส แท็กซี่และเรือด่วนก็มีนะ เดินไปที่โซน Access Plaza ตรงชั้น2กันได้เลย
แหล่ง shopping ในสนามบินหลายร้านละลานตาเต็มไปหมด มีทั้งอาหารการกินหรือของที่ระลึกต่างๆที่หาได้แค่ภูมิภาคชุบุเท่านั้นด้วยนะ สาวๆที่อยากช็อปกระจาย ขึ้นไปชั้น 3กันได้เลย แต่ถ้าใครที่ท้องร้องก่อนขึ้นเครื่อง ไม่ต้องห่วงขึ้นไปชั้น 4 กันเป็นชั้น sky town บรรยากาศยุโรปมาก ร้านสวยมีสไตล์คาเฟ่น่ารักเยอะแยะไปอีก แต่อย่านั่งจนลืมเวลาขึ้นเครื่องนะทุกคน แต่ถ้าใครยังไม่แน่ใจว่าจะมีที่เที่ยวที่ไหนที่น่าสนใจในภูมิภาคนี้ หรืออยากสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมไปที่ชั้น 2 จะเป็น Central Japan Travel Center ถามข้อสงสัยได้ตามสะดวก นี่เป็นโซนร้านอาหาร มีเมนู และชนิดของอาหารให้เลือกเยอะมาก อิ่มสบายท้องกันเลยทีเดียว
เข้าโรงแรมไปเก็บกระเป๋ากัน นี่คือทางเข้าโรงแรมของเรา ชื่อว่า Lagunasuite Hotel and wedding ห้องสะอาด ขนาดห้องก็เล็กสไตล์โรงแรมญี่ปุ่นอะแหละ
ไปต่อกันที่ ปราสาทนาโกย่า (Nagoya castle) เรานั่งSubway จากสถานี Sakae station มาลง Shiyakusho เดินต่ออีกประมาณ 10 นาที ทางเข้าร่มรื่นมาก ปราสาทนาโกย่าเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กที่สำคัญในเมืองนี้ ต้องมาปักหมุดให้ได้ จริงๆแล้วปราสาทนี้สามารถเข้าไปชมกันได้นะ จะมีพิพิธภัณฑ์ จะจัดแสดงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์
แต่ตอนที่พวกเราไป เค้าปิดปรับปรงซ่อมแซมอยู่ เสียดายยยย แต่คือแค่มองข้างนอกก็สวยแล้ว ปราสาทแห่งนี้ถูกสร้างเมื่อสมัยเอโดะ นานมากแต่บางส่วนของอาคารถูกทำลายจากการโจมตีทางอากาศตั้งแต่ปี ค.ศ.1945
รอบๆปราสาทมีคนญี่ปุ่นใส่ชุดนินจา มาเดินผ่านให้พวกเราถ่ายรูปกัน รู้สึกเหมือนย้อนเวลาไปดูยุคของนินจาได้จริงๆเลย
เรามากันตอนหน้าหนาว เลยมีความแห้งๆเล็กน้อย แต่ถ้ามาในช่วงปลายเดือนมีนาคม-ต้นเดือนเมษายน เป็นจุดชมดอกซากุระบานที่ดีมากในนาโกย่าเลยขอบอก เดี๋ยวมาอีกรอบก็ได้
ที่นี่มีค่าเข้าชม 500 เยนต่อคน เวลา ปิด-เปิด :9.00-16.30 มีช่วงพักกลางวันคือ 12.00-13.00 น. จาก Nagoya Station นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินสาย Higashiyama Subway Line ไปลงที่ Sakae Station เปลี่ยนไปนั่งสาย Meijo Subway Line ไปลงที่ Shiyakusho Station ประมาณ 2 นาที ค่าใช้จ่ายประมาณ 240 เยน แล้วเดินไปประมาณ 3 นาที ก็จะถึงปราสาทเลย
หรืออีกวิธีคือถ้ามาจาก Nagoya Station โดยสารรถบัส Meguru tourist loop bus ไปประมาณ 25 นาที 200 เยน แต่เราแนะนำให้นั่ง Subway สะดวกและรวดเร็วกว่า
ที่นี่เป็นร้านคาเฟ่ภายในปราสาทนาโกย่า นี่คือเมนูsignatureของทางร้าน รสชาติคือไม่ว้าวขนาดนั้นแต่หน้าตาให้สิบเต็มสิบเลย
รีบกินเร็วก่อนที่มันจะละลาย ตอนนั้นอากาศประมาณ 8-10องศา อากาศแบบนี้กินไอติมยิ่งฟิน
ป่ะไปกันต่อที่ Nagoya underground street ที่นี่เป็นแหล่งช็อปปิ้งที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของญี่ปุ่นนอกจากจะมีของให้ช็อปปิ้งแล้วยังมีของกินเยอะมาก คือสายกินต้องอย่าพลาดเลยนะ รับรองจุใจอิ่มพุงสบายท้อง มาที่นี่นั่งรถไฟมาสถานี nagoya station พอดีเลยแต่ยังไม่หมดแวะไปเยือน JR tower กันแปปนึง ภายในอาคารประกอบไปด้วยสำนักงาน และก็ร้านอาหารเยอะอยู่นะสามารถเชื่อมไปยังห้างสรรพสินค้าทาคาชิมะแล้วก็ร้าน big camera คืออยู่ในนั้นได้ทั้งวันเลยมีขายทุกอย่างครบ ข้าวหมูทอดที่นาโกย่าไม่ธรรมดานะ ซอสที่ราดลงไปในหมูทอดเป็นซอสมิโสะที่มีเฉพาะในนาโกย่าเท่านั้นด้วยนะ ไปกินเมืองอื่นจะไม่มีซอสแบบนี้แล้ว รีบไปตำกันเถอะ
ถนนแถวๆ Nagoya station ส่วนตัวคิดว่าเมืองนี้เงียบสงบ คนไม่พลุกพล่านเท่ากับโตเกียวโอซาก้า
ป่ะช็อปกันต่อเนื่องที่ ย่านช็อปปิ้งโอสุ (Osu Shopping street) ที่นี่คือเต็มไปด้วยร้านอาหาร คาเฟ่ แล้วก็มีร้านขายของที่ระลึกเยอะมากมีร้านค้าแฟชั่นและของกินกว่า 1,200 ร้านให้เลือกกินคือจุใจมาก ย่านนี้เป็นย่านเก่าแก่ อยู่มาแล้วกว่า400ปี ร้านแต่ละร้านก็ตกแต่งหลากหลายสไตล์กันไป เตรียมกระเป๋าตังค์แล้วก็เตรียมพุงของคุณให้พร้อมเริ่มกันเลย
หากใครจะมาย่านนี้ นั่งรถไฟสาย Tsurumai Line มาลงสถานี Makimaezu แล้วเดินต่อประมาณ 5 นาทีจะถึงเลย ที่นี่เค้าเปิด 11.00-20.00 น.
ขนมชื่อดังเมืองไทยก็มี อันนี้เป็นไส้มันหวานกับถั่วแดง ทำสดๆ ใครหิวมาหาของกินย่านนี้กันได้
ตกเย็นพวกเรากลับไปเดินเล่นชิวๆหาข้าวเย็นกินกันที่ ย่าน Sakae ซึ่งอยู่ใกล้ที่พักของเรา ย่านนี้เป็นแหล่งช็อปปิ้งหลักใจกลางเมืองนาโกย่า ร้านอาหารคาเฟ่เยอะมาก สายชิวต้องไม่ควรพลาดเลยนะ
ร้านปีกไก่ทอด อันดับหนึ่งในนาโกย่า ร้านยามะจัง หรือ Sekai no Yamachan เค้ามาเปิดสาขาในไทยแล้วด้วยนะ
จุดขายของร้านนี้ก็คือปีกไก่ทอด ทอดหนังจนกรอบแล้วโรยผงปรุงรสสูตรเฉพาะของทางร้าน ต้องมาลองอ่ะคือโคตรดี แล้วยิ่งมีเบียร์ด้วยนะ ฟินโคตร
ออกจากร้าน เดินเล่นเรื่อยๆตรงย่าน Sakae ที่นี่คือ Oasis21 ตอนกลางคืนเค้าจะเปิดไฟที่ตัวคารแบบนี้คือดี
DAY 2 ไปสวนกันเถอะ
มุ่งไปที่ Nagashima Spaland เป็นสวนสนุกที่โด่งดังที่สุดในภูมิภาคชุบุเลยนะ ถ้าเป็นฤดูร้อนที่นี่จะเปิดสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ แต่ที่พวกเราไปเป็นตอนหน้าหนาวเลยปิด โถ่ว อดเล่นน้ำ
ที่นี่ตั้งอยู่ที่เมือง Kuwana เป็นเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งในจังหวัดมิเอะ (Mie) ตั้งอยู่บนพื้นที่เกือบๆ จะเป็นใจกลางของประเทศญี่ปุ่นเลยเมืองนี้อยู่ไม่ไกลจากนาโกย่า ใช้เวลาเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมงนิดๆเอง
Nagashima Spaland สวนสนุกที่พื้นที่กว้างขวาง เครื่องเล่นมีเยอะมาก มีเครื่องเล่นที่เหมาะกับทุกเพศทุกวัยตั้งแต่เด็กยันผู้ใหญ่ เรียกได้ว่าบันเทิงกันได้ทั้งครอบครัวกันเลยทีเดียวเชียว จุดเด่นของที่นี่คือรถไฟเหาะ คือหวาดเสียวมากเป็นรถไฟเหาะที่ทำด้วยไม้ แล้วก็มีชิงช้าสวรรค์ยักษ์ ใครมาเป็นคู่ มากับเพื่อน หรือว่าจะมากับครอบครัว คือดี แล้วที่นี่เค้ามี Nagoya Anpanman Children’s Museum & Park มี6ที่ในญี่ปุ่นเท่านั้นนะ และหนึ่งในนั้นก็คือที่นี่ Anpanman เป็นการ์ตูนในฝันของเด็กๆเลยนะ ใครที่เป็นสาวก อันปังแมนห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง
1,600 เยน (ตั๋วเข้าสวนสนุกอย่างเดียว) ส่วนถ้าอยากเหมาจ่ายไปเลย 5,700 เยน (เล่นและเข้าได้ทุกอย่างไม่จำกัดครั้ง) เครื่องเล่นภายใน ราคา 300-1,000 เยนต่อรอบ ส่วนเวลาเปิด-ปิด: low season 9:30-17:00
high season 9:30-19:30 ดูรายละเอียดได้จาก คลิ๊ก สวนน้ำปิดทำการช่วงปลายเดือนกันยายน-ปลายเดือนมิถุนายน
นี่เป็นบ้านผีสิงญี่ปุ่น ค่าเข้า 300 เยน ไหนๆก็มาญี่ปุ่นทั้งทีก็อยากลองมาสัมผัสความหลอนของผีที่นี่กันดูบ้าง ความรู้สึกหลังเข้าไปขอบอกเลยว่า ไม่ค่อยน่ากลัวแต่มันตกใจตรงที่จินตนาการเราคิดไปก่อนเท่านั้นเองแหละ
Nagoya Anpanman Children’s Museum & Park ใครที่ชอบตัวละครนี้คือต้องมาอ่ะ โคตรน่ารัก มีร้านขายของที่ระลึกไว้ซื้อกลับด้วยนะ
ไปต่อกันที่ สวน นาบานะ โนะ ซาโตะ ( Nabana no sato ) ที่แห่งนี้เป็นสวนดอกไม้ขนาดใหญ่มีเนื้อที่ประมาณ 3 แสนตารางเมตร ถูกจัดให้เป็น Japan’s Largest Illumination หรือ งานประดับไฟที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น อยากรู้ว่าสมคำร่ำลือหรือไม่ตามไปดูรูปกันเล้ย~~~
Begonia Garden เป็นสวนดอกไม้มีค่าเข้าเพิ่มเติม คนละ 1,000 เยนข้างในมีสวนดอก Begonia หรือ ดอกดาดตะกั่ว จะคล้ายๆดอกกุหลาบ สีสดใสเว่อกลิ่นหอมด้วยนะ เราขอบอกเลยว่าควรค่าแก่การมา ห้ามพลาดเลย ข้างในมีคาเฟ่นั่งด้วย แล้วคือบนหัวเป็นดอกไม้ ดีอ่ะ ประทับใจสุด
คือน่ารักมากอ่ะ เป็นสวนต้นกระบองเพชรขนาดจิ๋ว ถ่ายรูปคือดีไปอีก
มุมนี้ก็น่ารัก ใครที่เข้ามาที่นี่ได้มุมถ่ายรูปเพียบเลย
เนื้อฮิดะมาจากโอคุฮิดะ(ฮิดะทาคายาม่)จังหวัดกิฟุ เป็นเนื้อชนะการประกวดวะกิวโอลิมปิกสองปีซ้อนทำให้เนื้อฮิดะโด่งดังไม่ต่างจากเนื้อโกเบ และ เนื้อมัตซึซะกะ อร่อยโคตร เอาเข้าปากแล้วเนื้อละลายในปากสุดๆ
หั่นลูกเต๋ากัดเข้าไป เนื้อก็ละลายในปากแล้วฟินมากจริงๆ
เนื้อนี่ได้มาจากวัวขนดำที่เลี้ยงเป็นอย่างดีในทุ่งหญ้าใกล้กับเทือกเขาแอลป์ของญี่ปุ่น ใครที่มีโอกาสมาเที่ยวนาโกย่า ฮิดะทาคายาม่า ทาคายาม่า อยากให้ไปลองเค้าบอกกันว่าถ้ามาย่านนี้แล้วไม่ได้กินเนื้อฮิดะจะถือว่าไปไม่ถึงนะ
สวยจนตะลึงสมคำร่ำลือจริงๆแต่ที่นี่เค้าจะเปลี่ยนธีมการตกแต่งทุกปี เราประทับใจที่นี่มาก คือมันสวยจริงๆ โชว์ยิ่งใหญ่อลังการเว่อ การจัดไฟปราณีตงานละเอียดมาก เราอยากให้ทุกคนได้มาเยือน ไม่ผิดหวังแน่นอนอ่ะมาพิสูจน์กันเร็ว
อุโมงค์นี้ความยาวประมาณ 200 เมตรประดับไฟตลอดทางและได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากที่สุด โหย ถ่ายรูปสวยมากส่วยตัวชอบที่นี่มาก แต่คนก็เยอะมากเช่นกัน ต้องเล็งมุมถ่ายรูปให้ดีดี แนะนำเลยคุณทุกท่าน
การแสดงแสงสีเสียงโชว์นี้คือเจ๋งมาก อลังการงานสร้างดูเพลินและอากาศที่หนาวเย็นกว่า 4องศา ยะเยือกจ่ะพี่จ๋า
การเดินทาง
ขึ้นรถบัสจาก Meitetsu Bus Center สถานีจะอยู่ใกล้กับสถานี Nagoyaแล้วมาลงที่ป้าย Nabana No Sato (ประมาณ 30 นาที) คลิ๊กดูตารางรถบัสเร็ว
ขึ้นรถไฟสาย Kintetsu จากสถานี Nagoya มาลงที่สถานี Nagashima (ประมาณ 20 นาที) จากนั้นมาต่อรถบัสมาลงที่ Nabana No Satoอีก 10 นาที
ค่าเข้า 2,300เยน ได้คูปองส่วนลด 1,000เยน เอาไว้ใช้เข้าชม Begonia Garden พอดิบพอดี ที่นี่เปิดเวลา 9:00 – 21:00 น. (บางวันเปิดถึง 22:00 น.)
DAY 3 เข้าวัด ดูเหล่าน้อง และ เที่ยวบินแห่งความฝัน
ชื่อเต็มๆที่นี่คือ Higashiyama Zoo and Botanical Gardens เปิดมา70 ปีละ แล้วที่นี่เค้าแบ่งเป็นโซนสวนสัตว์และสวนพฤกษศาสตร์ส่วนตรงกลางระหว่างสองโซนจะเป็นที่ตั้งของอาคารสูงที่ชื่อว่า Higashiyama Sky Tower ขึ้นไปชมวิวได้ด้วยนะ
อ่าวเจอเพื่อนออกมานอนกลางวันอีกแล้วครับท่าน
ที่นี่เป็นสวนสัตว์ที่ใหญ่มากเราเดินจนหอบ อากาศหนาวลมแรงไปอี๊ก แต่สัตว์ที่นี่น่ารักมาก น้องๆดูร่าเริงแจ่มใสพราะเราเคยไปสวนสัตว์บางที่คือน้องดูหงอยๆเหงาๆยังไงก็ไม่รู้แต่ที่นี่ไม่เป็น
สีสวยมาก ชมพูพาสเทลสาวๆคือต้องชอบแน่ๆรับรอง
ที่นี่มีกว่า 500 สายพันธุ์เลยนะเช่นพวก กอริลลา ชิมแปนซี เสือ ฮิปโป สิงโต โคอาล่า นก โอยพูดไม่หมดจริงๆสัตว์เยอะมาก แต่ที่เราประทับใจคือ กอริลลา พฤติกรรมเหมือนมนุษย์มาก ทั้งสายตาท่าทางการขยับตัว น่ารักและน่ากลัวไปในคราวเดียวกัน โดยในโซนของสวนสัตว์จะอยู่ใกล้กับสถานี Hoshigaoka เวลาเปิดคือ 09:00-16:50 น. (เข้าก่อน 16:30 น.) ปิดวันจันทร์ ค่าเข้าชมราคา 500 เยนเท่านั้นถือว่าถูกและคุ้มค่ามากกับการที่ได้เห็นเหล่าน้อง ถ้ามาทางรถไฟใต้ดิน สาย Higashiyama ลงสถานี Higashiyama Koen ออกมาทางออก 3 เดินตรงไปยังประตูทางเข้าสวนสัตว์ไม่ไกลประมาณ 2 นาทีก็ถึงแล้ว เฮ
อะไม่ต้องไปดูไกลถึงออสแล้วแหละคราวนี้
หลบไปเจ้าพวกมนุษย์อย่ามารบกวนข้าสิ
หลับตารับอากาศหนาวในยามเช้า
มาต่อกันที่ วัดนิตไทยจิ ( Kakuosan japan ) เป็นเหมือนการจารึกประวัติศาสตร์ที่บอกความสัมพันธ์ ระหว่างไทยกับญี่ปุ่น รู้หรือเปล่าว่ารัชกาลที่ 9 เคยมาเยือนที่นี่ด้วยนะ มาถึงส่วนที่มีอนุเสวรีย์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวหรือรัชกาลที่ 5 ด้านหน้ามีต้นไม้ที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ของเรา ทรงปลูกไว้เมื่อ พ.ศ. 2506 ภายในอุโบสถที่วัดนี้มีพระศากยะมุนีประดิษฐานเป็นพระประธานอยู่ที่นี่ สถาปัตยกรรมของวัดนี้จะมีความแปลกกว่าวัดอื่นๆในญี่ปุ่น โดยที่นี่ผสมผสานระหว่างไทยกับญี่ปุ่น ตัวอาหารข้างนอกจะเหมือนวัดญี่ปุ่นเลย ส่วนข้างในอาคารจะมีความเป็นไทยผสมเข้าไปนิดหน่อย
วิธีเดินทาง เราแนะนำให้นั่งรถไฟใต้ดิน สาย Higashiyama line มาลงสถานี Kakuozan ทางออก 1 แล้วเลี้ยวซ้ายจะเจอถนนยาวเข้าสู่วัดแล้วเดินต่ออีกประมาณ 7 นาทีก็จะถึงทางเข้าวัด และที่นี่ไม่เสียค่าเข้าชมนะจ้ะ
ที่นี่เป็นย่านเมืองเก่า รูปแบบบ้านเรือนยังคงความโบราณอยู่ คือmoodดีมาก เงียบสงบคนไม่พลุกพล่านจนเกินไปด้วยเราชอบนาโกย่าตรงนี้แหละ
กองทัพต้องเดินด้วยท้องถูกไหม มาต่อกันเลยที่คาเฟ่ร้านดังของย่านนี้ ชื่อว่า hale lani terrace เป็น island style cafe ชอบเมนูอาหารร้านนนี้มาก อาหารส่วนใหญ่ถูกใจสาย healthy ใครที่เป็นสายสุขภาพต้องไม่พลาดเลยนะ เพราะเมนูแต่ละเมนูคืออร่อยแถมยังได้สุขภาพที่ดีอีกด้วย
ส่วนสายไม่เฮ้ลตี้ก็ไม่น้อยหน้า จัดของทอดไปเล้ย
จานนี้ก็ครึ่งๆ สายผักและสายของทอด ฮ่าๆ
เราไปรถบัสไป สนามบินนานาชาติชูบุเซ็นแทรร์ กันอีกครั้งราคา 1,200 เยนจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน sakae station ใช้เวลาประมาณ 50 นาที เอะพวกเรายังไม่กลับน้าไม่ต้องตกใจแต่รอบนี้เราจะพาทุกคนไปพบกับ flight of dreams ต้องขอบอกก่อนเลยว่า ใครที่มีความฝันวัยเด็กเกี่ยวกับเครื่องบิน ที่นี่คือดีมากจริงๆ เรายังชอบเลย มันเจ๋งมาก
เค้าเปิดให้เราได้ชมห้องนักบินของเครื่องบินชนิดนี้ อลังเว่อร์ปุ่มเยอะไปหมด
ที่นี่เค้าแบ่งเป็น 2 ส่วนก็คือ FLIGHT PARK และ SEATTLE TERRACEมา มาเริ่มกันเลยดีกว่า
ส่วนแรกคือ FLIGHT PARK เป็นส่วนที่โคตรดี แต่จะมีค่าเข้าชม ผู้ใหญ่จะอยู่ที่ 1,200 เยน เด็ก 800 เยน
เป็นการแสดงแสงสีเสียงที่ออกแบบโดย teamlab จะมีการฉายภาพไปตรงเครื่องบิน Boeing 787 และบริเวณรอบๆ สวยมากคือภายนอกจะมืดทั้งหมด พูดไม่ถูกจริงๆต้องดูรูปเอง แต่เราสามารถขึ้นไปชมที่ชั้น 4 ได้ แต่ต้องเฉพาะคนที่ซื้อบัตรเท่านั้นนะ การแสดงจะมีทุกๆชั่วโมง และการแสดงจะยาวประมาณ 8 นาที
ส่วนต่อไปที่เราไปคือ Sketch Airplane โซนนี้เป็นโซนที่เจ๋งมากเค้าคิดได้ยังไง เค้าให้เราระบายสีเครื่องบิน แล้วตกแต่งด้วยตัวเอง เท่ากับว่า เครื่องบินนี้มีลำเดียวในโลก จากนั้นเค้าก็นำไปแสกน แล้วภาพเครื่องบินเราจะไปปรากฏในส่วนจัดแสดง แล้วเราสามารถบังคับเครื่องบินของเราได้ด้วยนะ สวยมาก ถ่ายรูปสวยจริงๆ ประทับใจ
อีกส่วนชื่อว่า Dreamliner explorer เค้าให้เราโหลดแอพแผนผังเครื่องบินมาดูประกอบกับการดูเครื่องบินจริง
แล้วภายในแอพจะมีรายละเอียดเกี่ยวกับส่วนประกอบของเครื่องบินเราชอบมากโซนนี้ มีการเก็บแต้มให้เราเดินไปครบทุกส่วนของเครื่องบินด้วยนะ เทคโนโลยีที่นี่เค้าล้ำมากจริงๆ
ส่วนใครที่หิวเราจะพาไปดูโซนต่อไป เป็นโซน Seattle Terrace
โซนนี้ก็คือจะไม่เสียค่าเข้าชม ก็คือฟรี๊ มีร้านค้าของกินเยอะมาก ใครเป็นสายกินห้ามพลาดส่วนนี้นะ การตกแต่งจะเป็นสไตล์อเมริกา อาหารที่หลายชนิดมากทั้งเสต็ก อาหารญี่ปุ่น อาหารอเมริกันสไตล์ หรือเบียร์มีของแบรนด์ต่างประเทศให้เลือกเพียบ ใครสายเบียร์มาที่นี่นะรับรองต้องชอบแน่ๆ ส่วนการแสดงแสงสีเสียงใครที่มาในโซนนี้ก็สามารถมองเห็นได้นะ อลังการงานสร้างสุดๆ
ใครที่อยากจะมาดูความอลังการงานสร้างของเครื่องบินหรืออยากจะมาหาอาหารอร่อยๆกิน แนะนำ flight of dreamที่นี้มีครบครัน หรือคนที่ไปกลับ สนามบินนานาชาติชูบุเซ็นแทร แล้วพอมีเวลาเหลือมาที่นี่เถอะ รับรองต้องชอบแน่ๆ
ราเมงชีสสสสสส ยืดมากๆจานนี้2000แคลได้
สำหรับเวลาเข้าชม
ส่วน FLIGHT PARK
วันธรรมดาและวันอาทิตย์10:00-17:00 และ วันเสาร์ 10:00-19:00
ส่วน SEATTLE TERRACE
ร้านเปิด 10:00 – 22:00 ร้านปิด 10:00-18:00 แต่ละร้านปิดไม่เท่ากันน้า
การมาเยือน นาโกย่า รอบนี้ของพวกเราถึงแม้ว่าจะเป็นรอบแรก แต่สิ่งที่เราเจอมันทำให้พวกเราอยากกลับไปซ้ำรอบสอง เมืองนี้มีอะไรมากกว่าที่พวกเราคาดไว้เยอะ นาโกย่าไม่พอสำหรับเราการมาเที่ยว 3 วัน ยังจุใจไม่พอ เราว่ามันตอบโจทย์ทุกเพศทุกวัย ทุกไลฟ์สไตล์ หากอยากช็อปปิ้ง ก็มาย่าน Sakae สวนสัตว์ที่ติดหนึ่งใน3ของญี่ปุ่นก็อยู่ที่นี่ สวนสนุกที่โด่งดังในภูมิภาคชูบุก็อยู่ที่นี่ สายคาเฟ่ก็มีคาเฟ่ชิคๆให้เลือกเพียบ ไหนจะ flight of dreams ที่สานฝันเด็กๆทุกคนให้เห็นโลกของเครื่องบินมากขึ้น ถ้าเที่ยวนาโกย่าแบบจุใจแล้ว การเดินทางจากนาโกย่าไปเมืองอื่นๆก็ง่ายและสะดวกมาก ถ้าจะไป Shirakawa-go เมืองมรดกโลกที่ทุกคนต้องมาเยือน ใช้เวลาจากนาโกย่าประมาณ 2ชั่วโมงนิดๆ หรือจะเมือง takayama ที่มีเนื้อ Hida ที่โคตรจะอร่อยแบบละลายในปากก็ใช้เวลาไม่นาน ประมาณ 2ชั่วโมงเช่นกัน อยากให้ทุกคนลองอะไรใหม่ๆ มาลองค้นหานาโกย่าดู รับรองคุณจะประทับใจไม่แพ้โตเกียวและโอซาก้า
พิกัดที่เที่ยวไปตามกันโลด
Chubu Centrair International Airport (NGO) : https://goo.gl/maps/UdvnfxVtQJw
Nagoya castle : https://goo.gl/maps/pThC3maXDJ62
Nagoya underground street :https://goo.gl/maps/cRGhCA2Bgxt
Osu shopping street : https://goo.gl/maps/iQLvA3UXwMC2
Sakae : https://goo.gl/maps/KNG4N945auC2
Nagashima Spaland : https://goo.gl/maps/LAJocDeuv4K2Nabana no sato
Higashiyama Zoo : https://goo.gl/maps/64ZQrbiPyVo
Kakuosan japan thai temple : https://goo.gl/maps/qDN9LSjjCwx
Flight of dream : https://goo.gl/maps/TAZCm7AuM5s